บิตคอยน์(BTC) ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับประมาณ 119,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.65 พันล้านบาท) โดยไม่มีความผันผวนที่ชัดเจนตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ขณะที่ตลาด ‘อัลต์คอยน์’ โดยรวมกลับอยู่ในภาวะ ‘อ่อนแรง’ หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ก่อน บริษัทแกลแลกซี ดิจิทัลได้ขาย BTC จำนวน 80,000 เหรียญในนามบุคคลที่สาม ทำให้ราคาบิตคอยน์ลดลงชั่วคราวไปแตะระดับ 114,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.59 พันล้านบาท)
แม้ในช่วงสุดสัปดาห์ แนวโน้มการขายจะผ่อนคลายลง ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ฟื้นกลับขึ้นมาที่ 117,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.62 พันล้านบาท) และเคยมีโอกาสแตะระดับ 120,000 ดอลลาร์ในวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่ก็ประสบแรงต้านและถอยกลับมาในที่สุด ปัจจุบัน BTC เคลื่อนไหวแบบ ‘ทรงตัว’ ใกล้ระดับ 119,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางการจับตาการตัดสินใจนโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความผันผวนในระยะสั้นโดยรวม
ในแง่ของมูลค่าตลาด บิตคอยน์มีมูลค่ารวมอยู่ที่ราว 2.365 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,292 ล้านล้านบาท) คิดเป็นการครองตลาดมากกว่า *59%* ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของ BTC ที่ยังคง ‘โดดเด่น’ แม้ในสภาวะตลาดซบเซาก็ตาม
ในขณะที่บิตคอยน์ยังทรงตัวได้ดี ตลาด ‘อัลต์คอยน์’ ส่วนใหญ่กลับเผชิญแรงขายต่อเนื่อง โดยเฉพาะ *เอเธน่า(ENA)* ซึ่งเคยพุ่งแรงในช่วงก่อนหน้า แต่ตอนนี้ร่วงหนักกว่า 10% ในวันเดียว พร้อมคืนกำไรสะสมก่อนหน้าเกือบทั้งหมด ขณะที่ *ซุย(SUI)*, *เพนกวิน(PENGU)* และ *อวาลันช์(AVAX)* ก็ไม่รอดตกลงมาในช่วง 5-6% เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม *อีเธอเรียม(ETH)* ยังคงรักษาระดับราคาไว้ได้ที่ราว 3,900 ดอลลาร์ (ประมาณ 541,000 บาท) โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการซื้อผ่าน ETF ซึ่งถือเป็น ‘สัญญาณบวก’ ท่ามกลางภาวะกดดัน
สกุลเงินดิจิทัลหลักอื่นๆ อย่าง *ริปเปิล(XRP)*, *ไบแนนซ์คอยน์(BNB)*, *โซลานา(SOL)*, *โดชคอยน์(DOGE)*, *เอด้า(ADA)*, *เชนลิงก์(LINK)* และ *สเตลลาร์ลูเมน(XLM)* ต่างแสดงภาวะอ่อนตัว โดยหลายเหรียญหลุดแนวรับทางเทคนิค เสี่ยงต่อการลดลงเพิ่มเติมในระยะถัดไป
แต่ในอีกด้าน *ทรอน(TRX)* และ *ไฮเปอร์ลิควิด(Hyperliquid)* กลับสวนทางตลาด โดยทำสถิติเป็นไม่กี่เหรียญที่แสดงแนวโน้ม ‘บวก’ ในวันนี้ ซึ่งสะท้อนถึงความ ‘แตกต่าง’ อย่างชัดเจนระหว่างโทเคนในช่วงตลาดผันผวน
ทั้งนี้ มูลค่ารวมของคริปโตเคอร์เรนซีทั้งหมดในตลาดลดลงไปอีก 50,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 6.95 แสนล้านบาท) กลับมาต่ำกว่าระดับ 4 ล้านล้านดอลลาร์อีกครั้ง ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความ ‘ไม่แน่นอน’ ที่ยังคงครอบคลุมอยู่ในตลาด
ความคิดเห็น: นักลงทุนยังคงต้องจับตาปัจจัยเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ ข้อมูลการจ้างงาน รวมถึงการเคลื่อนไหวของผู้เล่นรายใหญ่ เพราะปัจจัยเหล่านี้จะชี้นำทิศทางตลาดในช่วงถัดไปอย่างชัดเจน
ความคิดเห็น 0