ริค เอเดลมันชี้ บิตคอยน์(BTC) กลายเป็นสินทรัพย์หลัก แนะเพิ่มพอร์ตได้สูงถึง 40%

การรับรู้ต่อบิตคอยน์(BTC)กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมที่เคยถูกมองว่าเป็น ‘เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยแต่เต็มไปด้วยความเสี่ยง’ ตอนนี้สินทรัพย์ดิจิทัลนี้กลายเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักของพอร์ตการลงทุนสำหรับที่ปรึกษาการเงินรายใหญ่ในสหรัฐ ล่าสุด ริค เอเดลมัน(Ric Edelman) ผู้ก่อตั้งเอเดลมันไฟแนนเชียลเอนจินส์ (Edelman Financial Engines) ได้เปิดเผยถึงมุมมองใหม่ต่อบิตคอยน์

เอเดลมันให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph ว่า “เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมเคยแนะนำให้นักลงทุนมีคริปโตในพอร์ตไม่เกิน 1% แต่ตอนนี้ ผมคิดว่าสามารถเพิ่มสัดส่วนได้ถึง 40% ขึ้นอยู่กับลักษณะของผู้ลงทุนและเป้าหมายของเขา” เขาระบุว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้มาจากกระแสตลาดเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลจากการเคลื่อนไหวของนักลงทุนสถาบัน ซึ่งเน้นมุมมองการลงทุนระยะยาว

เอเดลมันยังชี้ให้เห็นว่าแม้แต่สถาบันที่มีความระมัดระวังสูง เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญและสำนักงานบริหารสินทรัพย์สำหรับครอบครัว(Family Offices) ก็เริ่มเข้าถือครองบิตคอยน์ นี่อาจเป็นสัญญาณที่ชี้ว่าคริปโตเคอร์เรนซีไม่ใช่ ‘การทดลองนอกระบบการเงินแบบดั้งเดิม’ อีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นสินทรัพย์กระแสหลักที่ยอมรับได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เขาคาดการณ์ว่าแนวโน้มนี้จะ ‘เร่งตัวมากขึ้น’ จนถึงอย่างน้อยในปี 2026

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเตือนนักลงทุนทั่วไปว่า หากยังคงมีท่าทีสงสัยต่อบิตคอยน์ ก็อาจเสียโอกาสในการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินในอนาคต เขาตอบโต้ข้อกังขา เช่น “จะช้าเกินไปไหม?” หรือ “บิตคอยน์เป็นแค่ฟองสบู่รึเปล่า?” รวมถึง “ระบบจะล่มไหม?” ว่า “โอกาสนั้นเริ่มจะน้อยลง และเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่มันกลายเป็น ‘สินทรัพย์ที่จำเป็น’ มากกว่าเดิม”

แม้ทิศทางที่บิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซีจะดำเนินไปท่ามกลางความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งสหรัฐ และนโยบายอัตราดอกเบี้ยโลกยังไม่ชัดเจน แต่การที่นักลงทุนแนวอนุรักษ์นิยมจากภาคการเงินแบบดั้งเดิมอย่าง ‘ริค เอเดลมัน’ เปลี่ยนจุดยืน อาจสะท้อนว่า ‘การยอมรับบิตคอยน์ในระดับนโยบาย’ เป็นเพียง ‘เรื่องของเวลา’ ความลังเลต่อคริปโตดูเหมือนจะไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป