ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเผชิญภาวะ ‘ขาลง’ อย่างต่อเนื่อง โดยมีบิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH) และเอ이다(ADA) เป็นผู้นำในการปรับฐานครั้งนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งชี้ว่าการลดลงของราคาสะท้อนความกังวลของนักลงทุนจากนโยบายด้านภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีทรัมป์ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในตลาดอ่อนตัวลง
ราคาของอีเธอเรียมลดลงราว *6%* ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ลงมาอยู่ที่ประมาณ 3,600 ดอลลาร์ หรือราว *501,000 บาท* โดยเดือนสิงหาคมถือเป็นเดือนที่ราคาของ ETH มักจะแสดงแนวโน้มอ่อนแอในอดีต ยกเว้นในปี 2017, 2020 และ 2021 ที่ราคามีการฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม หลายปัจจัยบ่งชี้ว่าการปรับฐานครั้งนี้ ‘อาจเป็นเพียงการย่อตัวระยะสั้น’ โดยเฉพาะเมื่อพบว่ากลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ หรือ ‘วาฬ’ ได้เข้าซื้ออีเธอเรียมจำนวน *220,000 เหรียญ* ในช่วงสองวันที่ผ่านมา อีกทั้งปริมาณ ETH ที่เหลืออยู่ในกระดานเทรดยังลดลงต่ำกว่า *19 ล้านเหรียญ* ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ *9 ปี* สะท้อนถึงแรงขายที่เริ่มอ่อนตัวลง ควบคู่ไปกับการไหลเข้าของเงินทุนใน ETF อ้างอิง ETH ที่ยังดำเนินต่อไป ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการเตรียมตัวสำหรับการดีดตัวกลับ
ในขณะเดียวกัน เอ이다ร่วงลงถึง *8%* จากวันก่อนหน้า มาอยู่ที่ *0.72 ดอลลาร์* หรือประมาณ *1,000 บาท* ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม ด้านนักวิเคราะห์ในวงการยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของเหรียญ โดย *อาลี มาร์ติเนซ* ชี้ว่ารูปแบบราคาปัจจุบันคล้ายคลึงกับช่วงต้นของตลาดกระทิงในอดีต พร้อมคาดการณ์ว่าอาจเกิดการฟื้นตัวครั้งใหญ่ ส่วนนักวิเคราะห์ *ฮาดี* และ *สมิธ* แสดงมุมมองในแนวทางเดียวกัน โดยเฉพาะสมิธที่วางระดับแนวต้านไว้ที่ *0.92 ดอลลาร์* หรือราว *1,279 บาท* พร้อมเสริมว่า หากสามารถทะลุระดับดังกล่าวได้ เอิดาอาจพุ่งกลับขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ *4 ดอลลาร์* หรือราว *5,560 บาท*
บิตคอยน์เองปรับตัวลงราว *3.2%* มาอยู่ต่ำกว่าระดับ *114,500 ดอลลาร์* (ประมาณ *15.9 ล้านบาท*) สาเหตุหลักมาจากแรงขายของนักลงทุนรายย่อยท่ามกลางภาวะการปรับฐานของตลาด อย่างไรก็ตาม ดัชนี RSI ของบิตคอยน์ลดลงใกล้ระดับ *30* ซึ่งเข้าข่ายภาวะ *“ขายมากเกินไป”* นักเทรดบางรายมองว่า หาก BTC สามารถทะลุขึ้นไปยืนเหนือระดับ *120,000 ดอลลาร์* (ราว *16.68 ล้านบาท*) ได้ อาจมีโอกาสพุ่งต่อไปที่ช่วง *145,000-150,000 ดอลลาร์* (ประมาณ *20.15-20.85 ล้านบาท*)
สรุปแล้ว แม้ความไม่แน่นอนทางนโยบายจากรัฐบาลของทรัมป์จะยังคงกดดันตลาด แต่สัญญาณบวกบางส่วนเริ่มปรากฏขึ้น โดยเฉพาะพฤติกรรมของนักลงทุนรายใหญ่และข้อมูลเทคนิคที่ชี้ว่าเหรียญหลักจำนวนหนึ่งอาจเข้าสู่ภาวะ ‘ซื้อต่ำรอขายสูง’ ซึ่งอาจเป็นโอกาสสำคัญสำหรับนักลงทุนระยะยาว *ความคิดเห็น:* ช่วงการปรับฐานเช่นนี้อาจเป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนที่รอจังหวะซื้อเพื่อการเติบโตในอนาคต
ความคิดเห็น 0