Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

บิตคอยน์(BTC) เจอแรงขายจากรายย่อย ขณะที่อีเธอเรียม(ETH) ถูกสะสมโดยวาฬ มูลค่ากว่า 9,000 ล้านดอลลาร์

บิตคอยน์(BTC) เจอแรงขายจากรายย่อย ขณะที่อีเธอเรียม(ETH) ถูกสะสมโดยวาฬ มูลค่ากว่า 9,000 ล้านดอลลาร์ / Tokenpost

ตลาดคริปโตเคลื่อนไหวอย่างแยกขั้วระหว่างผู้ลงทุนรายย่อยกับนักลงทุนรายใหญ่ โดยเฉพาะในตลาดของบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) ซึ่งล่าสุดพบว่าบิตคอยน์กำลังเผชิญ ‘แรงขายอย่างหนัก’ ในขณะที่อีเธอเรียมกลับได้รับการ ‘สะสมจากวาฬ’ มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ตามรายงานของบริษัทวิเคราะห์บนเชนชื่อดังอย่าง CryptoQuant เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม พบว่า ‘ค่าเฉลี่ย 7 วันของปริมาณบิตคอยน์ที่ถูกนำเข้าไปยังบัญชีของผู้ถือระยะสั้นใน Binance’ เพิ่มสูงจาก 10,000 BTC เป็น 36,000 BTC สะท้อนความเป็นไปได้ที่นักลงทุนรายย่อยกำลังเทขายเพื่อล็อกกำไรระยะสั้น โดยบิตคอยน์แตะระดับต้านที่ประมาณ 114,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.58 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ก่อนจะย่อตัวลงมา

ขณะที่อีเธอเรียมกลับแสดงท่าทีสวนทาง โดยวันที่ 31 กรกฎาคม มีการถอน ETH มูลค่าสูงถึง 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.25 ล้านล้านบาท) ออกจากกระดานเทรดเข้าสู่กระเป๋าเย็นของวาฬรายใหญ่ ซึ่งหมายถึงการวางเดิมพันระยะยาวต่อราคาที่มีแนวโน้มขาขึ้น ‘การเคลื่อนไหวที่ตรงกันข้ามของ BTC และ ETH’ สะท้อนถึงความแตกต่างด้านกลยุทธ์ของผู้เล่นในตลาดอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในแง่ที่นักลงทุนรายย่อยต้องการกำไรระยะสั้น ในขณะที่นักลงทุนรายใหญ่ โดยเฉพาะสถาบัน กลับเลือกเดินเกมยาวในฝั่งของอีเธอเรียม

ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ยังสอดคล้องกับการประกาศ ‘คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย’ ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ซึ่งช่วยลดภาระต่อการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง ทำให้สถาบันเริ่มแสดง ‘ความสนใจในคริปโต’ กลับมาอีกครั้ง ตรงกันข้ามกับนักลงทุนรายย่อยที่ยังคงระมัดระวังต่อความผันผวนของตลาด

แนวโน้มดังกล่าวยังสะท้อนชัดเจนในตลาดอนุพันธ์เช่นกัน โดยแพลตฟอร์ม Derive.xyz รายงานว่า ‘ความผันผวน 30 วันที่วัดจาก ETH สูงกว่าของ BTC ถึง 30%’ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่มีช่องว่าง 24% ปัจจัยหนุนสำคัญอยู่ที่จิตวิทยาตลาดเชิงบวกต่อ ‘ครบรอบ 10 ปีของอีเธอเรียม’ และโครงการสำคัญอย่างบริการสินเชื่อบนโทเคน ETH เช่น อีเธอร์แมชชีน และบิตมายน์

รายงานเพิ่มเติมระบุว่า ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เกิดการทำกำไรที่ประเมินมูลค่าไว้ราว 6,000 - 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 8.34 หมื่นล้านบาทถึง 1.11 ล้านล้านบาท) แสดงให้เห็นถึงการขยับตัวเชิงรับมือของสถาบันต่อความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในไตรมาส 3

อีกหนึ่งตัวชี้วัดที่น่าสนใจคือ ‘สเกจ (Skew) 30 วันของบิตคอยน์’ ซึ่งเปลี่ยนจาก +3% เป็น -1.5% บ่งชี้ว่าความต้องการซื้อพุทออปชัน (เดิมพันราคาลง) สูงกว่าคอลออปชัน (เดิมพันราคาขึ้น) บ่งบอกถึง ‘แนวโน้มป้องกันความเสี่ยงในขาลง’ ที่ชัดเจนขึ้น

เมื่อพิจารณาภาพรวมแล้ว ความแตกต่างระหว่างแรงขายระยะสั้นของบิตคอยน์กับแรงสะสมระยะยาวของอีเธอเรียม ประกอบกับตำแหน่งในตลาดอนุพันธ์ที่ถือกันอยู่ในตอนนี้ สะท้อนถึงบรรยากาศของตลาดที่กำลัง ‘ลอยอยู่ระหว่างความเย็นและความร้อน’ ความแตกต่างเชิงกลยุทธ์ระหว่างผู้เล่นรายย่อยกับวาฬ ระหว่าง BTC กับ ETH กำลังเป็นสัญญาณเตือนว่า ‘ความผันผวนอาจกำลังมาเยือนอีกครั้ง’ เร็วกว่าที่คาด.

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1