เกต(Gate) บุกตลาดสหรัฐ เปิดบริการซื้อขายคริปโตสปอต รับกระแสกฎระเบียบเชิงบวก

ท่ามกลางสัญญาณชัดเจนของทิศทางกฎระเบียบด้านคริปโตในสหรัฐอเมริกา แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตระดับโลก *เกต(Gate)* ได้ประกาศเข้าสู่ตลาดสหรัฐอย่างเป็นทางการ โดยการเปิดตัวในครั้งนี้ถือเป็นการเริ่มต้นให้บริการ *ซื้อขายคริปโตแบบสปอต* สำหรับผู้ใช้งานในประเทศเป็นครั้งแรก

เกตเปิดเผยว่า เหตุผลสำคัญในการเข้าสู่ตลาดสหรัฐ คือสถานะของอเมริกาในฐานะจุดยุทธศาสตร์ด้าน *กฎระเบียบทางการเงินดิจิทัล, นวัตกรรมด้านเทคโนโลยี และการพัฒนาตลาดทุน* บวกกับแนวโน้มกฎเกณฑ์เชิงบวกที่กำลังแพร่กระจายออกมาในช่วงหลัง

แพลตฟอร์มแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 2013 โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนชื่อ หลิน ฮั่น(Lin Han) และปัจจุบันรองรับคู่ซื้อขายมากกว่า 3,800 รายการ ส่งผลให้ *เกต* อยู่ในกลุ่มผู้นำด้าน *ความหลากหลายของสินทรัพย์* ในตลาดโลก สำหรับการดำเนินการในสหรัฐเตรียมเริ่มต้นจากการซื้อขายคริปโตต่อคริปโต ก่อนจะทยอยเพิ่มบริการอย่าง *ธุรกรรมผ่านเงินเฟียต* และ *กระเป๋าเงินคริปโตแบบฝากเก็บ*

สำหรับปริมาณการซื้อขายนั้น จากข้อมูลของ CoinMarketCap ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ยอดการซื้อขายแบบสปอตของเกตแตะ 6.8 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 94,520 ล้านบาท) ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มหลักในระดับโลก

โฆษกของเกตระบุว่า “สหรัฐอเมริกาเป็น *ตลาดสำคัญ* ของระบบนิเวศคริปโตในระดับโลกมาอย่างยาวนาน และในตอนนี้ถือเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับเราที่จะนำเสนอเทคโนโลยีและบริการของเราแก่ผู้ใช้งานในประเทศนี้โดยตรง”

การเข้าสู่ตลาดสหรัฐครั้งนี้ยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่า จะผลักดันให้ ‘*อเมริกาเป็นเมืองหลวงของโลกด้านคริปโต*’ พร้อมทั้งเดินหน้าเสนอนโยบายรองรับสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเป็นระบบ

ในสภาคองเกรสมีการพิจารณาร่างกฎหมายสำคัญหลายฉบับ อาทิ ‘GENIUS Act’ และ ‘CLARITY Act’ ที่มุ่งวางกรอบกฎเกณฑ์สำหรับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลโดยเฉพาะ ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจของรัฐบาลในการสร้างความชัดเจนทางด้านกฎหมาย

ความเคลื่อนไหวของเกตเกิดขึ้นในกระแสเดียวกับหลายแพลตฟอร์มระดับโลกที่เร่งผลักดันการกลับเข้าสู่ตลาดสหรัฐอีกครั้ง เช่น OKX ซึ่งเพิ่งบรรลุข้อตกลงกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐเมื่อต้นเดือนเมษายนด้วยวงเงิน 5.05 พันล้านดอลลาร์ (ราว 70,050 ล้านบาท) และอยู่ระหว่างหารือประเด็นการกลับเข้าตลาด และในกรณีของ Binance.US ก็มีรายงานว่าเตรียมจะกลับมาให้บริการแก่ลูกค้าในช่วงต้นปี 2025

ข้อมูลจาก Chainalysis ระบุว่า ระหว่างกรกฎาคมปีก่อนถึงมิถุนายนปีนี้ มูลค่าคริปโตที่สหรัฐได้รับอยู่ที่กว่า 750 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.04 ล้านล้านบาท) เหนือกว่าประเทศอื่นๆ อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่า *สหรัฐกำลังก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางของคริปโตในระดับโลก* อย่างแท้จริง