มันซา ระดมทุน 10 ล้านดอลลาร์ เดินหน้าขยายการชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์

บริษัทฟินเทค ‘มันซา’ ที่ได้รับการสนับสนุนจากเทเธอร์(USDT) ประสบความสำเร็จในการระดมทุนมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายบริการชำระเงินข้ามพรมแดนโดยใช้สเตเบิลคอยน์

การระดมทุนครั้งนี้นำโดยเทเธอร์และบริษัทลงทุนโพลมอร์ฟิก แคปิตอล พร้อมด้วยนักลงทุนรายอื่นอย่าง อ็อกเทอร์รา แคปิตอล, แฟคัลตี กรุ๊ป และ ไทรฟ์ ดิจิทัล ในรอบก่อนหน้านี้มันซาได้รับเงินทุนล่วงหน้ามูลค่า 3 ล้านดอลลาร์ และสามารถระดมทุนเพิ่มเติมอีก 7 ล้านดอลลาร์จากสถาบันการเงิน

มันซาวางแผนใช้เงินทุนนี้เพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินผ่านสเตเบิลคอยน์ในภูมิภาคลาตินอเมริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มูลูกู ซาโนห์(Mouloukou Sanoh) ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของมันซา กล่าวว่า "เรามุ่งเน้นการใช้โซลูชันการชำระเงินแบบออนเชนและการบริหารสภาพคล่องอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุนและปัญหาความล่าช้าของการชำระเงินข้ามพรมแดน"

นับตั้งแต่เปิดตัวโซลูชันการชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ในเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา มันซาได้ดำเนินการชำระเงินแบบออนเชนไปแล้วกว่า 27 ล้านดอลลาร์ และเพียงแค่เดือนมกราคมของปีนี้ก็มียอดธุรกรรมถึง 11 ล้านดอลลาร์

ปัจจุบันสเตเบิลคอยน์ได้รับความสนใจอย่างมากในฐานะทางเลือกที่รวดเร็วและประหยัดกว่าระบบการเงินแบบดั้งเดิม โดยข้อมูลล่าสุดพบว่าในปี 2024 มูลค่าธุรกรรมรายปีของสเตเบิลคอยน์สูงถึง 15.6 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็น 119% ของมูลค่าธุรกรรมของวีซ่า(Visa) และ 200% ของมาสเตอร์การ์ด(Mastercard)

ซาโนห์กล่าวเพิ่มเติมว่า "สเตเบิลคอยน์เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสำหรับประเทศและธุรกิจที่ประสบปัญหาขาดแคลนเงินสด และยังช่วยแก้ไขข้อจำกัดของระบบการเงินแบบเดิม" ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านธนาคารโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 7.34% ขณะที่โซลูชันการชำระเงินผ่านสเตเบิลคอยน์สามารถทำธุรกรรมได้ทันทีและมีต้นทุนต่ำ

เมื่อการชำระเงินระหว่างประเทศผ่านสเตเบิลคอยน์ได้รับความนิยมมากขึ้น บริษัทและผู้บริโภคอาจสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่มีประสิทธิภาพมากกว่าที่เคย