รัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังเดินหน้าควบคุม ‘สเตเบิลคอยน์’ อย่างเข้มงวดขึ้น พร้อมทั้งมีแผนผลักดันให้การพัฒนาสเตเบิลคอยน์เกิดขึ้นภายในสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 4 (เวลาท้องถิ่น) เดวิด แซ็กซ์ ผู้ดูแลนโยบายคริปโตของรัฐบาลทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘Closing Bell Overtime’ ของ CNBC โดยระบุว่า “ตลาดสเตเบิลคอยน์เติบโตขึ้นอย่างมาก แต่ส่วนใหญ่ยังคงดำเนินการอยู่นอกสหรัฐฯ” พร้อมเสริมว่า “ถึงเวลาแล้วที่อเมริกาจะส่งเสริมการพัฒนาสเตเบิลคอยน์ภายในประเทศ”
ปัจจุบันตลาดสเตเบิลคอยน์มีมูลค่ากว่า ‘2.27 แสนล้านดอลลาร์’ (ประมาณ 329.15 ล้านล้านวอน) โดย 97% ของสินทรัพย์นี้เชื่อมโยงกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ ‘เทเธอร์(USDT)’ ถือครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 60%
แซ็กซ์เน้นย้ำว่า “พลังของสเตเบิลคอยน์ช่วยขยายอิทธิพลของเงินดอลลาร์ในระดับโลกและทำให้เงินดอลลาร์ยังสามารถแข่งขันในยุคดิจิทัลได้” นอกจากนี้ เขายังมองว่าสเตเบิลคอยน์สามารถช่วยเพิ่มความต้องการพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ลดภาระหนี้ และกดดอกเบี้ยระยะยาวให้ต่ำลง
เมื่อวันที่ 23 มกราคม ทรัมป์ลงนามในคำสั่งบริหารโดยระบุว่า จะส่งเสริมการพัฒนาและเติบโตของ ‘สเตเบิลคอยน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายและสอดคล้องกับเงินดอลลาร์’ พร้อมทั้งยืนยัน ‘ห้าม’ การออกสกุลเงินดิจิทัลโดยธนาคารกลาง (CBDC)
ในขณะเดียวกัน ‘เซอร์เคิล(USDC)’ ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์ที่ออกในสหรัฐฯ ยังคงมุ่งเน้นการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเข้มงวด แต่ ‘เทเธอร์(USDT)’ กำลังเผชิญกับข้อจำกัดด้านกฎระเบียบในสหภาพยุโรปและบางประเทศ
ปาโอโล อาร์โดยโน ซีอีโอของเทเธอร์ เคยกล่าวเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วว่า “เทเธอร์เป็น ‘พันธมิตรที่ดีที่สุด’ ของรัฐบาลสหรัฐฯ และถือครองพันธบัตรรัฐบาลมากกว่าประเทศเยอรมนีเสียอีก” ซึ่งทำให้เกิดการจับตามองว่า นโยบายของรัฐบาลทรัมป์อาจเปิดทางให้ ‘สถานะของเทเธอร์ในสหรัฐฯ แข็งแกร่งขึ้น’
ความคิดเห็น 0