บิตคอยน์(BTC)และอีเธอเรียม(ETH)กำลังแสดงสัญญาณที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนจากข้อมูลบนบล็อกเชน ในขณะที่ตลาดคริปโตโดยรวมยังคงรอความชัดเจนก่อนการประชุมแจ็กสันโฮลซิมโพเซียมของธนาคารกลางสหรัฐฯ แนวโน้มล่าสุดเผยให้เห็นว่า บิตคอยน์มีการปรับตัวลดลงแบบฉับพลัน ขณะที่อีเธอเรียมกลับมีการไหลออกจากตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านอุปทานที่กำลังเพิ่มขึ้น
จากข้อมูลของบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลอย่างคริปโตควอนต์(CryptoQuant) ปริมาณการถือครองบิตคอยน์ยังคงอยู่ที่ประมาณ 2.53 ล้าน BTC แม้จะเกิดความผันผวนอย่างหนัก ซึ่งถือเป็นสัญญาณว่า ‘จำนวนเหรียญที่พร้อมขาย’ ยังคงอยู่ในตลาด และความเป็นไปได้ในการปรับฐานระยะสั้นยังไม่หมดไป โดยราคาบิตคอยน์เพิ่งร่วงจากระดับ 123,000 ดอลลาร์ เหลือเพียง 113,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 17.1 ล้านบาท
ฝั่งอีเธอเรียมกลับมีทิศทางตรงกันข้าม โดยตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมถึงกลางเดือนสิงหาคม มีการไหลออกจากแพลตฟอร์มซื้อขายมากกว่า 300,000 ETH ซึ่งคาดว่าเป็นการย้ายไปยังวอลเล็ตเย็น (cold wallet), การสเตก หรือย้ายไปยังบริการรับฝากสินทรัพย์ของนักลงทุนสถาบัน อีเธอเรียมล่าสุดมีการซื้อขายอยู่ในช่วง 4,150–4,400 ดอลลาร์ หรือราว 5.77–6.12 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึง ‘แรงหนุนต่อราคาจากการลดอุปทาน’
นอกเหนือจากข้อมูลบนบล็อกเชน ความเคลื่อนไหวของเหล่านักลงทุน 'วาฬ' ก็เป็นจุดสนใจเช่นกัน ตัวอย่างหนึ่งคือ นักลงทุนรายใหญ่รายหนึ่งที่ถือครองบิตคอยน์นานกว่า 7 ปี เพิ่งขาย 670 BTC มูลค่าประมาณ 76 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,056 ล้านบาท) เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม และนำเงินจำนวนนี้ไปลงทุนในอีเธอเรียมแทน นักลงทุนผู้นี้เคยสะสม BTC ผ่านกระดานซื้อขายไบแนนซ์และ HTX รวมทั้งหมด 14,837 BTC หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.6 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท)
โดยเขาได้เปิดตำแหน่งในอีเธอเรียมที่ระดับราคาราว 4,300 ดอลลาร์ พร้อมใช้เลเวอเรจ 10 เท่า และอีกตำแหน่งหนึ่งที่ 2,449 ETH พร้อมเลเวอเรจ 3 เท่า อย่างไรก็ตาม ราคาของอีเธอเรียมได้ลดลงสู่ระดับ 4,080 ดอลลาร์ หรือประมาณ 5.67 ล้านบาท ทำให้ตำแหน่งดังกล่าวเข้าสู่ ‘ขอบเขตขาดทุน’ และเสี่ยงต่อการถูกบังคับปิดในระดับ 3,699, 3,700 และ 3,732 ดอลลาร์ (ราว 5.14–5.19 ล้านบาท)
ผู้เชี่ยวชาญในตลาดประเมินว่า ‘สัญญาณการซื้อในราคาต่ำของอีเธอเรียม’ ประกอบกับยุทธศาสตร์ของนักลงทุนวาฬ อาจเป็นปัจจัยสนับสนุน ‘แรงซื้อระยะสั้น’ ได้ ขณะที่ฝั่งบิตคอยน์ที่สภาพคล่องยังไม่หดหาย กลับสะท้อนอารมณ์ ‘รอแปรสภาพเป็นเงินสด’ ของนักลงทุนมือโปร และชี้ถึงโอกาสที่ทั้งสองเหรียญหลักอาจแสดงผลงานที่แตกต่างกันในระยะสั้น
ปัจจัยทั้งหมดนี้เน้นย้ำชัดว่า การสังเกตข้อมูลบล็อกเชนและพฤติกรรมของผู้มีอิทธิพลในตลาด กำลังมีบทบาทสำคัญต่อกลยุทธ์เทรดระยะสั้นและการจัดพอร์ตของนักลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่บิตคอยน์ยังคงเผชิญแรงเทขาย ในขณะอีเธอเรียมกำลังเข้าสู่ช่วงโอกาสเติบโตจากการลดอุปทานในตลาด
ความคิดเห็น 0