อีเธอเรียม(ETH) พุ่งแตะ ATH ใหม่เหนือ 4,885 ดอลลาร์ ผู้เชี่ยวชาญชี้ส่อแซงบิตคอยน์(BTC) ในไม่ช้า

อีเธอเรียม(ETH) กำลังเข้าสู่ช่วงตลาดขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากทำสถิติสูงสุดใหม่ตลอดกาล (ATH) บนกระดานซื้อขายหลัก โดยเมื่อวันที่ 22 (เวลาท้องถิ่น) ราคาของอีเธอเรียมทะลุ 4,885 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6.78 ล้านบาท) ซึ่งสูงกว่าจุดสูงสุดเดิมในปี 2021 เป็นผลให้ชุมชนอีเธอเรียมออกมาวิพากษ์จุดอ่อนของบิตคอยน์(BTC) พร้อมยกให้ ETH เป็นตัวแทนของ ‘การกระจายศูนย์ที่แท้จริง’ และ ‘แหล่งเก็บมูลค่า’ ที่เหนือกว่า

แอนโทนี ซาซาโน(Anthony Sassano) นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดัง แสดงความเห็นผ่าน X (เดิมคือ Twitter) ว่า “ตอนนี้ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะเลือก BTC แทน ETH” พร้อมชี้ว่า “ทั้งในแง่ของการกระจายศูนย์และมูลค่าในระยะยาว อีเธอเรียมได้แซงหน้าบิตคอยน์ไปแล้ว” เขายังเสริมว่า การที่ ETH จะแซงมูลค่าตลาดรวมของ BTC หรือที่เรียกว่า ‘การสลับตำแหน่ง’ (Flipping) กำลังจะกลายเป็นความจริง

ข้อมูลล่าสุดระบุว่า อัตราส่วน ETH/BTC ขยับขึ้นจาก 0.017 เป็น 0.041 ภายในช่วงเวลาเพียง 4 เดือน ซึ่งหมายความว่า ETH ให้ผลตอบแทนเหนือกว่า BTC ถึงกว่า 2.5 เท่า นอกจากนี้ ตลอดช่วงที่ราคา ETH พุ่งขึ้น ยังมีการปิดสถานะ Short จำนวนมากกว่า 468 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6.5 พันล้านบาท) ส่งผลให้ผู้เล่นฝั่งขายชอร์ตขาดทุนอย่างหนัก ขณะเดียวกัน ปริมาณการถอนเหรียญจากการ Stake ลดลง ทำให้ระยะเวลารอการถอน (Withdrawal Queue) สั้นลงเหลือต่ำกว่า 15 วัน ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ฟื้นตัวตาม

การพุ่งขึ้นครั้งนี้ส่งสัญญาณว่า อีเธอเรียมอาจจะเข้าสู่ช่วง ‘การค้นหามูลค่าใหม่’ ในตลาด โดย ทอม ลี(Tom Lee) จากบริษัท Fundstrat ชี้ว่า ETH กำลังกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีรุ่นใหม่ของวอลล์สตรีท และกล่าวถึงศักยภาพของการแซง BTC อีกครั้ง โดยระบุว่านี่เป็น “การเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับปี 1971 ที่สหรัฐฯ ยกเลิกระบบมาตรฐานทองคำ”

ความเห็นในทิศทางเดียวกันนี้ยังได้รับการสนับสนุนจาก ราอูล พาล(Raoul Pal) นักวิเคราะห์ตลาด ซึ่งชี้ว่าการขึ้นของ ETH ในรอบนี้ อาจเป็นตัวเร่งให้ฤดูของอัลต์คอยน์มาถึงเร็วกว่าที่คาด โดยเขาประเมินว่า ตลาดอัลต์คอยน์จะเข้าสู่จุดขยายตัวสูงสุดภายในกลางปี 2026

ในขณะนี้ อีเธอเรียมยังคงซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 4,710 ดอลลาร์ (ราว 6.54 ล้านบาท) โดยมีเป้าหมายถัดไปที่ 5,000 ดอลลาร์ (เกือบ 6.95 ล้านบาท) และหากการทำ ATH ครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียง ‘กระแสชั่วคราว’ แต่เป็นการขึ้นแบบมีโครงสร้าง ก็เป็นไปได้ว่า แนวโน้มของ ETH จะมีผลกำหนดทิศทางสำคัญของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคตอันใกล้นี้