ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
กลยุทธ์จัดการ ‘คลังสินทรัพย์ด้วย BNB’ กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งหลัง B สแตรทิจี (B Strategy) บริษัทลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่จัดตั้งโดยอดีตผู้บริหารระดับสูงของบิตเมน ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 (เวลาท้องถิ่น) ว่าจะเปิดบริษัทคลังสินทรัพย์ใหม่ โดยมีแผนบริหารจัดการโทเคนบีเอ็นบี(BNB) มูลค่ากว่า *1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.39 หมื่นล้านบาท)* ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดย *YZi Labs* ออฟฟิศของครอบครัว “ฉางเผิง เจา” ผู้ร่วมก่อตั้งไบแนนซ์
ตามข้อมูลจากบริษัท B สแตรทิจี โครงการใหม่นี้มีแนวทางใกล้เคียงกับบริษัท 10X แคปิทัล ซึ่งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับ YZi Labs ระดมทุนได้ *250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.47 พันล้านบาท)* ทั้งหมดถูกใช้ในการสะสม BNB ตามกลยุทธ์การถือครองระยะยาว
ในการระดมทุนรอบนี้ B สแตรทิจีจะใช้วิธี ‘Private Placement’ หรือการจัดสรรหุ้นแบบเจาะจงผ่านบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ และเมื่อสามารถระดมทุนได้ตามเป้า บริษัทที่เข้าร่วมโครงการจะทำหน้าที่ซื้อ BNB โดยตรง และปรับโครงสร้างไปสู่รูปแบบคลังสินทรัพย์ที่มุ่งเน้นการบริหาร BNB
ตัวแทนของบริษัทระบุว่า พวกเขาต้องการเป็น “สะพานเชื่อมระหว่างตลาดสหรัฐฯ และเอเชีย” พร้อมเสริมว่า ความสนใจจากนักลงทุนฝั่งเอเชียที่ต้องการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ มีสูงมาก และพวกเขามุ่งมั่นในบทบาทการบริหารความมั่นคงให้กับการลงทุนเหล่านั้น
BNB ปัจจุบันเป็น *คริปโตอันดับ 4 ของโลกตามมูลค่าตลาด* ไม่ใช่เพียงแค่สินทรัพย์เก็งกำไร แต่ยังมีบทบาทใน *การจ่ายค่าธรรมเนียม, การสเตก, และลงคะแนนเสียงในระบบนิเวศของไบแนนซ์* ซึ่งทำให้บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งเริ่มหันมาใช้ BNB เป็น *สินทรัพย์สำรองในคลัง* มากขึ้นในปีนี้
กรณีเด่นคือบริษัท CEA อินดัสทรีส์ ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นแคนาดา ประกาศเข้าสู่กลยุทธ์คลัง BNB และราคาหุ้นก็ทะยานขึ้นถึง *550%* ขณะที่ BMB เน็ตเวิร์ก คอมพานี เปิดตัวกองทุนคลัง BNB มูลค่า *500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6.95 พันล้านบาท)* ซึ่งประสบความสำเร็จเกินเป้าในรอบระดมทุน
หนึ่งในเหตุผลหลักที่กลยุทธ์คลัง BNB ดึงดูดความสนใจ คืออิทธิพลของเจา ซึ่งข้อมูลจาก Forbes ระบุว่า เขาถือครอง BNB สูงถึง *64% ของจำนวนหมุนเวียนทั้งหมด*
จากจุดนี้ โมเดลคลังสำรอง BNB กลายเป็นทางเลือกใหม่ระหว่าง *การเงินดั้งเดิม* และ *โลกสินทรัพย์ดิจิทัล* โดยมีศักยภาพเป็นเครื่องมือสำหรับเงินทุนฝั่งเอเชียที่ต้องการเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ การทดลองของ B สแตรทิจีในครั้งนี้จึงอาจเป็นต้นแบบความสำเร็จรายถัดไปในเทรนด์ใหม่นี้
ความคิดเห็น 0