ราอูล พาลชี้ ริปเปิล(XRP) เข้าสู่ระยะฟูลพอร์ตติ้ง เตรียมพุ่งแรงหากทะลุแนวต้าน 3 ดอลลาร์

ราอูล พาล(Raoul Pal) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทวิจัยการลงทุนระดับโลก Global Macro Investor ได้ออกมายืนยันว่า ริปเปิล(XRP) ได้เข้าสู่ระยะ ‘ฟูลพอร์ตติ้ง (full porting)’ ซึ่งถือเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและการเพิ่มคุณสมบัติใหม่ในระบบนิเวศของ XRP โดยบรรยากาศดังกล่าวส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและเพิ่มโอกาสในการปรับตัวขึ้นของราคาในอนาคต

เมื่อเร็ว ๆ นี้ พาลได้โพสต์ผ่านแพลตฟอร์ม X (เดิมคือทวิตเตอร์) พร้อมนำเสนอกราฟราคาระยะยาวของ XRP โดยอธิบายว่าก่อนหน้านี้ XRP เคยมีพฤติกรรมราคาที่เคลื่อนไหวในรูปแบบ ‘ลิ่มขาลง’ และ ‘สามเหลี่ยมขาลง’ เป็นเวลานาน ก่อนจะเกิดการฟื้นตัวอย่างรุนแรง เขาเสริมว่า วัฏจักรการเคลื่อนไหวในปัจจุบันมีลักษณะคล้ายกับช่วงสองรอบก่อนหน้านี้ จึงอาจบ่งชี้ว่า แรงกระตุ้นขาขึ้นรอบใหม่กำลังจะเริ่มต้น

แม้ว่า พาลจะไม่ได้ให้คำจำกัดความที่แน่ชัดของคำว่า ‘ฟูลพอร์ตติ้ง’ แต่โดยทั่วไปมักหมายถึงการย้ายระบบหรือสินทรัพย์บล็อกเชนจากโครงสร้างเดิมไปสู่แพลตฟอร์มระดับสูงที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การอัปเกรดระบบสัญญาอัจฉริยะหรือการเปลี่ยนโครงสร้างเครือข่าย นักลงทุนบางส่วนตีความว่า เหตุการณ์นี้อาจบ่งชี้ถึงพัฒนาการทางเทคโนโลยีของ XRP ที่เพิ่มศักยภาพในการเติบโตของทั้งระบบนิเวศ

ขณะนี้ XRP ซื้อขายอยู่ที่ระดับประมาณ *2.91 ดอลลาร์* และมีนักวิเคราะห์บางรายคาดการณ์ว่า ราคามีโอกาสจะเร่งตัวขึ้นในรูปแบบ *พาราโบลิก (Parabolic)* อย่างคล้ายกับช่วงตลาดกระทิงในปี 2021 ที่เคยร้อนแรงจนราคาพุ่งสูงกว่า 10 เท่าจากระดับก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ระดับ *3 ดอลลาร์* ยังคงเป็นแนวต้านทางจิตวิทยาที่ XRP ยังไม่สามารถทะลุผ่านได้ จึงมีความเป็นไปได้ที่ตลาดจะยัง ‘รอดู’ ทิศทางต่อไปชั่วคราว

แม้ภาพรวมของตลาดคริปโตยังอยู่ในช่วงปรับฐาน แต่ XRP กลับแสดงให้เห็นถึงพลังต้านแรงขายที่ค่อนข้างดี โดยเฉพาะจากนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ที่ยังถือครองไว้ และด้วยปัจจัยพื้นฐานที่กำลังได้รับการปรับปรุง จึงมีความเป็นไปได้ว่า XRP จะกลายเป็นหนึ่งใน *ผู้นำการฟื้นตัว* ควบคู่กับบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH)

สุดท้าย คำถามที่น่าจับตาคือ XRP จะสามารถ ‘เปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง’ ผ่านการเข้าสู่ระยะ *ฟูลพอร์ตติ้ง* ได้หรือไม่ ซึ่งอาจเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่า ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาคือระดับของการพัฒนาเทคโนโลยี การมีส่วนร่วมของชุมชน และความคืบหน้าในการเข้าสู่ระบบการเงินแบบดั้งเดิม เช่น การอนุมัติ ETF หาก XRP สามารถทะลุแนวต้าน *3 ดอลลาร์* ได้อย่างชัดเจน ความเป็นไปได้ที่มันจะกลับมายืนในฐานะ ‘โทเคนหลัก’ ของตลาดก็จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ