ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
ในขณะที่นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ตลาดคริปโตกลับส่งสัญญาณ ‘น่ากังวล’ เกี่ยวกับบิตคอยน์(BTC) แม้การลดดอกเบี้ยจะถือเป็นปัจจัยบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง แต่ผู้เชี่ยวชาญบางรายเตือนว่า จุดเปลี่ยนครั้งนี้อาจกระตุ้นการปรับฐานระยะสั้นของราคา
นักวิเคราะห์ตลาดชื่อ ‘เท็ด(Ted)’ ได้โพสต์ผ่าน X (เดิมชื่อทวิตเตอร์) ว่า บิตคอยน์กำลังเผชิญกับสองสถานการณ์ที่เป็นไปได้ โดยสถานการณ์แรกคือ ราคาจะร่วงลงถึง 104,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.44 ล้านบาท) ก่อนจะฟื้นตัว ขณะที่อีกสถานการณ์หนึ่งคือ ราคาจะดำดิ่งยิ่งกว่านั้นไปที่ 92,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.28 ล้านบาท) แล้วจึงค่อยกลับไปทำจุดสูงสุดใหม่ เท็ดมองว่าตลาดอาจอยู่ในช่วงของพฤติกรรม "ซื้อข่าวลือ ขายข่าวจริง" ซึ่งเป็น *รูปแบบการขายทำกำไร* ที่พบได้ทั่วไป จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเปิดสถานะ Short หรือใช้เลเวอเรจสูงก่อนการประชุมคณะกรรมการ FOMC
อีกหนึ่งปัจจัยลบที่น่าจับตาคือ *แรงขายจากนักขุดบิตคอยน์* อาลี มาร์ติเนซ(Ali Martinez) นักวิเคราะห์จาก Trading Research เปิดเผยว่า ในช่วง 72 ชั่วโมงที่ผ่านมา กลุ่มนักขุดได้เทขายบิตคอยน์ออกมามากกว่า 2,000 BTC ซึ่งอาจเพิ่มแรงกดดันด้านอุปทานในระยะสั้น หากอุปสงค์ไม่สามารถตอบสนองได้ทัน ราคาอาจได้รับผลกระทบ ขณะที่ยอดคงเหลือของบิตคอยน์ในกระดานแลกเปลี่ยนแม้จะลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่แรงขายในขนาดนี้ก็อาจสร้าง *ความผันผวนชั่วคราว* ได้
แม้มีความเสี่ยง แต่สัญญาณบวกก็ยังมี โดยข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลออนเชนอย่างคริปโตควอนต์(CryptoQuant) ระบุว่า จำนวน BTC ที่ฝากไว้ในกระดานเทรดได้ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 ปี บ่งชี้ว่านักลงทุนมีแนวโน้มโยกเหรียญออกจากตลาดสู่กระเป๋าส่วนตัวมากขึ้น แสดงถึงความมั่นใจในระยะยาว และอาจลดโอกาสของการขายทำกำไรในระยะสั้น
อีกหนึ่งข้อมูลสนับสนุนขาขึ้นระยะยาวคือ *ดัชนี MVRV* ซึ่งเป็นสัดส่วนระหว่างมูลค่าตลาดรวมกับมูลค่าที่แท้จริงยังเคลื่อนไหวอย่างมั่นคงในช่วง 2–2.25 โดยในเชิงสถิติ หากดัชนีนี้ทะลุระดับ 3.7 ขึ้นไป อาจเป็นสัญญาณว่าใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้ว ดังนั้นตัวเลขปัจจุบันยังสะท้อนว่า บิตคอยน์ยังมีโอกาสในการเติบโตต่อไป
สรุปแล้ว แม้การลดดอกเบี้ยของ Fed จะเป็นข่าวดีสำหรับบิตคอยน์ในภาพรวม แต่จิตวิทยาตลาดแบบ ‘ขายข่าวจริง’ และแรงขายจากนักขุดอาจเป็นแรงกดดันในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวยังคงแข็งแกร่ง ดังนั้นนักลงทุนควร *จับตาการตอบสนองของตลาด* อย่างใกล้ชิดหลังการประชุม FOMC ที่จะมีขึ้นในคืนนี้
ความคิดเห็น 0