แรงขายชิบะอินุ(SHIB) พุ่ง! โอนเข้าเว็บเทรดกว่า 1.57 ล้านล้านโทเคน เสี่ยงราคาดิ่งต่อ

แรงกดดันในการขายชิบะอินุ(SHIB) ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนอย่างชัดเจน ข้อมูลจากออนเชนเผยว่า ช่วง 3 วันที่ผ่านมา มีชิบะอินุรวมกว่า 1570 พันล้านโทเคนถูกโอนเข้ากระดานซื้อขายแบบรวมศูนย์(Sex) ซึ่งสะท้อนถึงสัญญาณการขายจากผู้ถือรายใหญ่ และอาจก่อให้เกิดแรงกดดันต่อราคาในทิศทางขาลงในระยะสั้น

ตัวเลขล่าสุดยังตอกย้ำถึงความน่ากังวล โดย ‘ปริมาณสุทธิที่เข้ามา’ เพิ่มขึ้นถึง 798 พันล้าน SHIB และ ‘ยอดรวมการไหลเข้าสู่กระดานเทรด’ ทะยานแตะระดับ 6260 พันล้าน SHIB ขณะที่ ‘ยอดไหลออกจากกระดาน’ มีเพียง 5460 พันล้าน SHIB เท่านั้น ***แสดงให้เห็นว่าอุปทานที่สามารถขายได้มีแนวโน้มสูงขึ้น*** และความเป็นไปได้ที่แรงขายจะเอาชนะแรงซื้อนั้นเพิ่มขึ้นมาก

หนึ่งในสัญญาณสำคัญอีกจุดหนึ่งคือตัวเลข ‘ปริมาณที่ถืออยู่ในกระดานเทรด’ ซึ่งขณะนี้สูงถึง 8.608 ล้านล้าน SHIB หรือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา หมายถึง *มีโทเคนพร้อมขายเพิ่มขึ้นทันที* ขณะที่ ราคาของ SHIB ลดลงแตะระดับ 0.000013 ดอลลาร์ หรือราว 0.018 บาท นั่นแสดงถึงความสัมพันธ์ตรงของ ‘ราคาที่ลดลง’ ควบคู่กับ ‘อุปทานที่พร้อมขายเพิ่มขึ้น’

สัญญาณทางเทคนิคยังสนับสนุนแนวโน้มเชิงลบ โดยขณะนี้ SHIB เคลื่อนไหวภายในรูปแบบ ‘สามเหลี่ยมสมมาตร’ และปะทะกับแนวต้านฝั่งบนมาแล้วหลายครั้ง ระดับแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 0.000014 ดอลลาร์ (ประมาณ 0.019 บาท) ขณะที่แนวรับหลักอยู่ที่ 0.0000124 ดอลลาร์ (ราว 0.017 บาท) ***หากแรงขายยังดำเนินต่อเนื่อง ก็เป็นไปได้ว่าแนวรับนี้อาจถูกทำลายลงได้***

ที่น่าจับตาไม่แพ้กันคือข้อมูลจาก ‘จำนวนที่อยู่กระเป๋าแบบแอคทีฟ’ ซึ่งแม้จะเพิ่มขึ้นเพียง 1% แต่เกือบทั้งหมดคือ *ที่อยู่ที่เกี่ยวกับการโอนออก* ที่เพิ่มขึ้นถึง 1.04% ***บ่งชี้ว่าผู้ถือส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะขายมากกว่าสะสม***

นักวิเคราะห์ประเมินว่า หาก SHIB หลุดแนวรับที่ 0.000013 ดอลลาร์ เป้าหมายต่อไปอาจอยู่ที่ระดับ 0.000012 ดอลลาร์ (ประมาณ 0.017 บาท) หรือแม้กระทั่งต่ำกว่านั้น ในทางกลับกัน หากต้องการกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง จำเป็นที่จะต้อง ‘ทะลุแนวต้านหลัก’ ที่ 0.000014 ดอลลาร์ และทดสอบช่วงราคาที่สูงกว่า 0.000015 - 0.000016 ดอลลาร์ (ประมาณ 0.021 - 0.022 บาท)

***สรุปภาพรวมในตอนนี้คือ SHIB กำลังเผชิญสัญญาณขายสะสม และแนวโน้มยังคงเอียงไปในทิศทางขาลง*** ทั้งปริมาณโทเคนที่ทะลักเข้าสู่กระดานเทรด, แรงต้านทางเทคนิค, และสัญญาณเชิงลบจากข้อมูลออนเชน ทำให้ความหวังในการฟื้นตัวยังอยู่ห่างไกล หากต้องการเปลี่ยนแนวโน้ม จำเป็นต้องเห็นการลดลงของกระแสเงินเข้าอย่างชัดเจน และการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนในภาพรวมก่อนเป็นอันดับแรก