บิตคอยน์(BTC) อาจแค่ 'กับดักตลาดขาขึ้น' นักวิเคราะห์เตือนแรงขายครอบงำ-กำไรเริ่มลดลง

การฟื้นตัวของบิตคอยน์(BTC)ในช่วงที่ผ่านมา ถูกมองว่าอาจเป็น ‘กับดัก’ ที่ล่อลวงนักลงทุนรายย่อยเข้าสู่ตลาด และยังอาจเป็นสัญญาณว่า *วงจรของตลาดกำลังอ่อนกำลัง* ตามการวิเคราะห์ล่าสุด นักวิเคราะห์หลายรายเตือนว่า การลดลงของความสามารถในการทำกำไร และแรงซื้อจากสถาบันที่เริ่มแผ่วลง กำลังส่งสัญญาณความเปราะบางของแนวโน้มขาขึ้นในตลาดคริปโต

โจอาว เวดสัน(Joao Wedson) ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์ม Alphractal ระบุผ่านโพสต์ในแพลตฟอร์ม X ว่า แนวโน้มของตัวชี้วัด SOPR (Spent Output Profit Ratio) แสดงให้เห็นว่า *นักลงทุนมีการทำกำไรลดลงอย่างชัดเจน* ซึ่งเป็นสัญญาณว่าตลาดได้ ‘แตะเพดานของกำไร’ แล้วในขณะนี้ “การสะสมบิตคอยน์ในปริมาณมากใกล้จุดสูงสุดเช่นนี้ *ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์บิตคอยน์*” เขาให้ความเห็น

ข้อมูลเพิ่มเติมยังเผยว่า ราคาเฉลี่ยของบิตคอยน์ที่ผู้ถือครองระยะสั้นซื้อไว้ (STH Realized Price) อยู่ที่ 11,140 ดอลลาร์ หรือราว 1.55 ล้านบาท ซึ่งหากดูในมุมของนักลงทุนสถาบัน แสดงให้เห็นว่าควรเข้าซื้อในระดับราคาต่ำกว่านี้ ความเคลื่อนไหวของ *ดัชนีชาร์ป (Sharpe Ratio)* ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับปี 2024 ยังบ่งชี้ว่า *อัตราผลตอบแทนต่อความเสี่ยงลดลง* จึงทำให้บิตคอยน์ดูน่าเบื่อน้อยลงในมุมมองการลงทุนระยะยาว

เวดสันยังเตือนว่า ความสนใจของตลาดคริปโตต่อบิตคอยน์กำลังลดลง โดยนักลงทุนเริ่มเบนเข็มไปยัง *อัลต์คอยน์ที่ยังไม่ได้รับการประเมินมูลค่าสูง* หรือมีราคายังต่ำกว่าความเป็นจริง “ผู้สร้างสภาพคล่องในตลาด (market makers) กำลังทยอยขายบิตคอยน์และจัดสรรเงินทุน รวมถึงสเตเบิลคอยน์ ไปยังอัลต์คอยน์แทน” เวดสันระบุ

เมื่อเทียบกับผลตอบแทนในอดีต พบว่านักลงทุนที่เข้าซื้อในช่วงต้นปี 2022 อาจทำกำไรได้ถึง 600% แต่ผู้ที่เข้าสู่ตลาดในตอนนี้ กลับ ‘พลาดช่วงสำคัญ’ ไปแล้ว เวดสันคาดการณ์ว่า ปี 2025 จะกลายเป็น *“ฤดูกาลของอัลต์คอยน์”* อีกครั้ง โดยเฉพาะในแง่ของข้อมูลบนเชนและโครงสร้างรายได้ ซึ่งอัลต์คอยน์บางตัวดูจะมีศักยภาพเหนือกว่าบิตคอยน์

รายงานจากคริปโตควอนต์(CryptoQuant) เปิดเผยว่า ในช่วงต้นเดือนกันยายน เมื่อตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้น ปริมาณเงินออกจากแพลตฟอร์มซื้อขายมีมากกว่าปริมาณเงินไหลเข้า แสดงให้เห็นว่ามีแรงซื้อค่อนข้างดี อย่างไรก็ตาม ระหว่างวันที่ 17-19 กันยายน มี *บิตคอยน์จำนวนกว่า 40,000 เหรียญ (ราว 5.56 แสนล้านบาท)* ไหลเข้าสู่แพลตฟอร์มซื้อขาย ซึ่งทำให้แนวโน้มพลิกกลับสู่ฝั่งขาลง

นับตั้งแต่วันที่ 20 กันยายนเป็นต้นมา ปริมาณเงินออกจากแพลตฟอร์มก็ลดลงอย่างรวดเร็ว บ่งชี้ว่าแรงขายกำลังครอบงำตลาด ขณะนี้ ปริมาณเงินที่ไหลเข้าสู่แพลตฟอร์มยังคงอยู่ในระดับสูง ในขณะที่เงินออกยังต่ำอยู่ จึงแสดงให้เห็นว่า ‘สภาพจิตวิทยาแบบขาย’ ยังคงครองตลาด “หากเงินทุนเริ่มไหลออกจากตลาดมากขึ้น อาจเป็นโอกาสในการรีบาวด์ แต่ในระยะสั้น แรงขายยังคงครอบงำแนวโน้ม” คือความเห็นหลักของนักวิเคราะห์

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า นี่ไม่ใช่เวลาสำหรับการลงทุนตามราคาที่พุ่งขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ควรหันไปมองสินทรัพย์ที่ *มีโครงสร้างผลกำไรและความต้องการที่แท้จริงรองรับ* เพื่อวางกลยุทธ์การลงทุนอย่างมั่นคงยิ่งขึ้นในระยะยาว