กลยุทธ์(Strategy) บริษัทที่นำโดยไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) กลับมาเป็นที่จับตาของตลาดอีกครั้งหลังจากการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยบริษัทได้เข้าซื้อบิตคอยน์(BTC) เพิ่มในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน รวมทั้งสิ้น 850BTC ทั้งนี้ตามเอกสารที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC)
ราคาเฉลี่ยในการเข้าซื้ออยู่ที่ประมาณ *117,344 ดอลลาร์* ต่อ 1BTC หรือราว *16.3 ล้านบาท* ส่งผลให้มูลค่าการซื้อรวมอยู่ที่ประมาณ *99.7 ล้านดอลลาร์* หรือ *1,386 ล้านบาท* โดยเกิดขึ้นในช่วงที่ราคาบิตคอยน์ดีดตัวขึ้นหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25 จุดร้อยละเป็นครั้งแรกในรอบปี ข้อมูลจาก CoinGecko ระบุว่าในช่วงเวลาดังกล่าว ราคาบิตคอยน์เคยทะลุผ่านระดับ *117,000 ดอลลาร์* ต่อเหรียญ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดในรอบหลายสัปดาห์
จากดีลล่าสุดนี้ ทำให้จำนวนบิตคอยน์ทั้งหมดที่ Strategy ถือครองอยู่เพิ่มขึ้นเป็น *639,835BTC* โดยมีมูลค่ารวมของการลงทุนสะสมอยู่ที่ราว *47.3 พันล้านดอลลาร์* หรือประมาณ *65.6 ล้านล้านบาท* คิดเป็นราคาเฉลี่ยที่ *73,971 ดอลลาร์* ต่อเหรียญ ส่งผลให้ Strategy ยังคงเป็นบริษัทที่ถือครองบิตคอยน์ในระดับสูงสุดของโลกในเชิงองค์กร
อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อล่าสุดนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแนวโน้มการชะลอตัวของการซื้อสะสม โดย Strategy มียอดซื้อรวมตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนอยู่ที่ *3,330BTC* ซึ่งลดลงกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมที่ซื้อไป *7,714BTC* และลดลงถึง *75%* เมื่อเทียบกับยอดซื้อในเดือนกรกฎาคมซึ่งสูงถึง *31,466BTC*
การเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องของ Strategy ในช่วงที่ราคาบิตคอยน์ยังทรงตัวนั้น สะท้อนแนวทางการลงทุนแบบเน้นระยะยาวของบริษัท แม้ตลาดโดยรวมจะเผชิญกับภาวะสภาพคล่องต่ำ และเงินทุนระยะสั้นเริ่มไหลไปสู่อัลท์คอยน์มากขึ้นก็ตาม โดย *ไมเคิล เซย์เลอร์* ยังคงยืนยันว่า “เมื่อเวลาผ่านไป บิตคอยน์จะกลายเป็นสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งที่สุด”
ขณะเดียวกัน สถานการณ์การเมืองในสหรัฐฯ โดยเฉพาะท่าทีของ *ทรัมป์* และฝ่ายนิติบัญญัติต่อคริปโตเคอร์เรนซี กำลังกลับมาเป็นประเด็นหลัก ซึ่งอาจส่งผลต่อมุมมองของนักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะในบริบทที่ Strategy ยังเดินหน้าต่อเนื่องในการสะสมคริปโตเบอร์หนึ่งอย่างบิตคอยน์
ความคิดเห็น 0