เปเป(PEPE) ร่วงกว่า 17% ในสัปดาห์ แต่สัญญาณเทคนิคชี้โอกาสเด้งกลับระยะสั้น

เหรียญมีมชื่อดัง เปเป(PEPE) แม้จะเผชิญกับแรงเทขายหนักจนราคาร่วงต่อเนื่องกว่า 17% ภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ แต่สัญญาณเทคนิคเบื้องต้นได้บ่งชี้ถึง‘โอกาสการเด้งกลับ’ระยะสั้น ซึ่งอาจสะท้อนไปถึงการผ่อนคลายของแรงขายชั่วคราว ตามการวิเคราะห์โดยนักวิเคราะห์ในตลาดคริปโต

อาลี มาร์ติเนซ(Ali Martinez) นักวิเคราะห์ด้านคริปโตเผยว่า กราฟรายวันของเปเปได้แสดงสัญญาณซื้อจากดัชนี TD Sequential ถึงสองครั้งติดต่อกัน ได้แก่ สัญญาณ ‘A13’ สีเขียวในวันที่ 22 และสัญญาณ ‘9’ สีแดงในวันที่ 24 ซึ่งทั้งสองถูกตีความว่าเป็น ‘สัญญาณจบขาลงระยะสั้น’ และอาจเปิดทางให้เกิดการดีดตัวในระยะสั้น

สัญญาณเหล่านี้ปรากฏขึ้นหลังจากราคาเปเปร่วงลงแตะจุดต่ำสุดที่ 0.00000969 ดอลลาร์ ก่อนดีดกลับเล็กน้อยมาเคลื่อนไหวอยู่แถว 0.0000094 ดอลลาร์ในขณะนี้ โดยถือว่าลดลงราว 2% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า และมียอดการซื้อขายต่อวันที่พุ่งทะลุ 370 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,143 ล้านบาท

ด้านนักวิเคราะห์เทคนิคที่ใช้ชื่อว่า บัตเตอร์ฟลาย(Butterfly) ให้ความเห็นว่า เปเปยังเคลื่อนไหวอยู่ภายใน ‘รูปแบบสามเหลี่ยมสมมาตร’ ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ราคาได้หล่นลงมาทดสอบแนวล่างของกรอบหลายครั้งในปีนี้ สะท้อนถึงบริเวณที่มีแรงซื้อเข้ารองรับอย่างต่อเนื่อง พร้อมระบุว่า “มีสัญญาณว่านักลงทุนนำเงินอัจฉริยะ (Smart Money) เริ่มทยอยเข้าซื้อ และหากราคาฝ่ากรอบบนขึ้นไปได้ การทำจุดสูงสุดใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม”

อย่างไรก็ตาม เพื่อยืนยันการกลับตัวเป็นขาขึ้นจริงๆ ก็ยังต้องรอให้ราภาพราคาทะลุแนวต้านด้านบนของสามเหลี่ยมดังกล่าวเสียก่อน เพราะหากยังไม่สามารถเบรกผ่านได้ชัดเจน ตลาดอาจยังคงอยู่ในช่วง ‘ออกข้าง’ หรือแนวโน้มไม่มีทิศทางชัดเจนต่อไป

ดัชนีระยะสั้นอื่นๆ ก็เริ่มส่งสัญญาณเชิงบวกเช่นกัน โดยค่า RSI กราฟ 4 ชั่วโมงของเปเปอยู่ใกล้ระดับ 31 แสดงถึงสภาวะ ‘ขายมากเกิน’ ซึ่งมักเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัว ขณะเดียวกัน ตัวบ่งชี้ MACD เริ่มแสดง ‘โมเมนตัมขาลงที่อ่อนลง’ หลังเส้น MACD เข้าใกล้เส้นสัญญาณแบบไร้ระยะห่าง

ในฝั่งตลาดอนุพันธ์ ก็มีกลุ่มนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่พยายามเก็งกำไรว่าราคาเปเปจะฟื้นตัวแรงในเร็ววัน แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามคาด เมื่อวันที่ 25 กันยายนเพียงวันเดียว มีการ ‘ล้างสถานะ’ ฝั่ง Long มูลค่ากว่า 600,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 8.3 ล้านบาท) ขณะที่ฝั่ง Short ถูกบังคับปิดสถานะแค่ 46,000 ดอลลาร์เท่านั้น โดย ‘OKX’ และ ‘เกต(Gate)’ เป็นแพลตฟอร์มที่มีมูลค่าการชำระบัญชีสูงที่สุด

ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นถึง ‘ความไม่สมดุลของตลาด’ ซึ่งฝั่ง Long ต้องแบกรับความเสียหายมากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ เป็นผลจากแรงบีบ Leverage ที่สะท้อนว่ามีเทรดเดอร์จำนวนมากเก็งกำไรขาขึ้นอย่างไม่มีหลักประกันเพียงพอ แนวโน้มนี้อาจดำเนินต่อไปจนกว่าจะมีการชำระบัญชีสถานะเสี่ยงออกจากระบบจนหมด ส่งผลให้ความไม่แน่นอนในตลาดยังคงอยู่ต่อไปในระยะใกล้นี้