EU จ่อคุมเข้มสเตเบิลคอยน์อิงดอลลาร์ หวังลดพึ่งพาเงินสหรัฐ-ปกป้องเงินยูโร

ธนาคารกลางยุโรป(ECB) เดินหน้าผลักดันนโยบาย ‘คุมเข้มสเตเบิลคอยน์ที่อิงกับดอลลาร์’ เพิ่มขึ้น โดยท่าทีดังกล่าวมีแนวโน้มสร้างผลกระทบในวงกว้างต่อทั้งระบบการเงินดิจิทัลของทวีป ตามรายงานของ Bloomberg เมื่อวันที่ 24 คณะกรรมการความเสี่ยงเชิงระบบของยุโรป(ESRB) ชี้ว่าสเตเบิลคอยน์ที่มีลักษณะ ‘ออกโดยหลายประเทศ’ มีความเปราะบางด้านความมั่นคงและกฎหมาย และเรียกร้องให้พิจารณา ‘ห้ามการออกเหรียญ’ โดยทางอ้อม

สเตเบิลคอยน์เหล่านี้ดำเนินการโดยอิงกับทุนสำรองที่ถือโดยหลายบริษัทหรือหลายประเทศ ตัวอย่างเช่น เซอร์เคิล(Circle) และแพกซอส(Paxos) ซึ่งใช้โมเดลนี้ ปัญหาก็คือ กฎระเบียบที่หลากหลายของแต่ละประเทศทำให้การควบคุมแบบรวมศูนย์กลายเป็นเรื่องยาก ESRB เตือนว่า หากผู้ใช้ในสหภาพยุโรปพากันแปลงเหรียญเหล่านี้กลับเป็นเงินยูโรในเวลาเดียวกัน อาจเกิดวิกฤตสภาพคล่อง เพราะทุนสำรองไม่ได้กระจายตัวภายในยุโรปมากพอ

ปัจจัยที่น่าวิตกอีกประการ คือ เหรียญสเตเบิลคอยน์รายใหญ่ส่วนใหญ่มักมี ‘ดอลลาร์สหรัฐ’ หรือ ‘พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ’ เป็นหลักประกัน ซึ่ง EU มองว่า นั่นอาจนำไปสู่การพึ่งพาระบบการเงินของสหรัฐมากเกินไป และ ‘สร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของเงินยูโร’ ESRB จึงจัดโครงสร้างการออกสเตเบิลคอยน์แบบหลายชาติเป็น ‘ช่องโหว่เชิงระบบ’ สำหรับระบบการเงินในยุโรป

หากแนวทางใหม่นี้ถูกนำมาบังคับใช้จริง บริษัทอย่างเซอร์เคิลและแพกซอสอาจต้อง ‘ปรับแผนการให้บริการในยุโรปอย่างสิ้นเชิง’ ไม่ว่าจะเป็นการย้ายทุนสำรองมายังธนาคารยุโรป หรือออกสเตเบิลคอยน์ที่ใช้งานเฉพาะในทวีป ซึ่งจะยิ่งทำให้ต้นทุนและความซับซ้อนในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น จึงไม่แปลกที่เสียงคัดค้านจากภาคอุตสาหกรรมจะยิ่งดังขึ้น

แม้ว่าแนวทางของ ESRB ยังเป็นเพียง ‘ข้อเสนอเชิงนโยบาย’ ที่ไม่มีผลบังคับทันที และต้องผ่านขั้นตอนด้านกฎหมายก่อนจะมีผลจริง แต่หลายฝ่ายในอุตสาหกรรมมองว่า แนวนโยบายนี้ ‘ไม่ใช่แค่เรื่องชั่วคราว’ และมีความเป็นไปได้สูงที่จะกลายเป็นข้อบังคับในอนาคต เพราะ ESRB ถือเป็นหน่วยงานที่มีอิทธิพลทางการเมืองสูงในระดับสหภาพยุโรป

การเคลื่อนไหวครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ต้องการ ‘จัดระเบียบตลาดสเตเบิลคอยน์ทั่วโลก’ เท่านั้น แต่ยังส่ง ‘สัญญาณทางการเมือง’ ชัดเจนว่า EU ต้องการ ‘ปกป้องอธิปไตยทางการเงิน’ ของตนเอง ท่ามกลางการแข่งขันด้านสกุลเงินดิจิทัลซึ่งมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในเวทีโลก โดยเฉพาะกับสหรัฐในอนาคต