ริปเปิลเดินหน้าลุย RLUSD ออกเพิ่ม 1.8 ล้านโทเคนบน XRPL จับมือพันธมิตรกระจายสู่ตลาดแอฟริกา

ริปเปิล เตรียมเดินหน้าเต็มสูบในการขยาย ‘อาร์แอลยูเอสดี(RLUSD)’ สเตเบิลคอยน์ของตนเอง ประเดิมช่วง ‘อัพโทเบอร์(Uptober)’ ด้วยการออกอาร์แอลยูเอสดีเพิ่มอีก 1.8 ล้านโทเคนบนบล็อกเชนเอ็กซ์อาร์พีเลดเจอร์(XRPL) ซึ่งนับเป็นการออกเหรียญครั้งแรกบนเครือข่าย XRPL นับตั้งแต่วันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 กันยายน อาร์แอลยูเอสดีถูกออกครั้งแรกบนเครือข่ายอีเธอเรียม(ETH) จำนวน 8 ล้านโทเคน ทำให้เกิดการเร่งกระจายโทเคนสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน มูลค่าตลาดรวมของอาร์แอลยูเอสดีอยู่ที่ประมาณ 798 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.1 แสนล้านวอน เกิดการขยายตัวอย่างมั่นคงในตลาดสเตเบิลคอยน์

ไฮไลต์ของกลยุทธ์ครั้งนี้คือ ‘การขยายตลาดในแอฟริกา’ โดยริปเปิลประกาศผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการว่ากำลังนำอาร์แอลยูเอสดีเข้าไประบบการเงินของแอฟริกา พร้อมจับมือกับพันธมิตรสำคัญอย่าง ชิปเปอร์ แคช(Chipper Cash) แพลตฟอร์มชำระเงินผ่านมือถือ และแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตอย่าง เยลโลว์การ์ด(Yellow Card) เพื่อผนวกรวม RLUSD เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินที่มีอยู่ เน้นแก้ปัญหาค่าธรรมเนียมโอนเงิน ราคาเงินเฟ้อที่สูง และการเข้าถึงธนาคารที่ต่ำในภูมิภาคนี้

นอกจากนี้ ริปเปิลยังจับมือกับ ดีลอยท์ (Deloitte) บริษัทตรวจสอบบัญชีระดับโลกในกลุ่มบิ๊กโฟร์ เพื่อดำเนินการตรวจสอบ RLUSD ครั้งแรก โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับความโปร่งใสและการปฏิบัติตามข้อกำกับดูแล แจ็ค แมกโดนัลด์(Jack McDonald) หัวหน้าฝ่ายสเตเบิลคอยน์ของริปเปิล กล่าวอย่างมั่นใจว่า “RLUSD จะ ยึดตามมาตรฐานกำกับดูแลในระดับสูงสุด อย่างเคร่งครัด” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในวงกว้าง

ในอีกด้าน RLUSD เริ่มทยอยเข้าสู่ตลาดสากล โดยล่าสุดถูกนำไปจดทะเบียนซื้อขายใน บายบิต(Bybit) หนึ่งในกระดานซื้อขายคริปโตระดับโลก อีกทั้งยังมีการจับคู่ซื้อขายใหม่ใน ‘บัดเจ็ต เอ็กซ์เชนจ์(Budget Exchange)’ กระดานที่มีเทรดเดอร์ XRP อยู่หนาแน่น ทำให้ RLUSD มีแนวโน้มได้รับสภาพคล่องมากยิ่งขึ้น

แนวโน้มเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ริปเปิลไม่ได้จำกัด RLUSD ไว้เพียงแค่บทบาทของ ‘สเตเบิลคอยน์’ เท่านั้น แต่ยังวางตำแหน่งให้เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินของโลกยุคใหม่ *ที่สามารถตอบโจทย์ประเทศกำลังพัฒนา* โดยเฉพาะ *ด้านขีดความสามารถทางเทคโนโลยีและสังคม* ถือเป็น ‘อาวุธลับ’ ที่อาจปูทางให้ RLUSD กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินแห่งอนาคตได้ในที่สุด