ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
ในขณะที่บิตคอยน์(BTC)และไบแนนซ์คอยน์(BNB)กำลังเฉลิมฉลองการฟื้นตัวในช่วงที่ถูกขนานนามว่า ‘อัปโทเบอร์ (Uptober)’ แต่ *ไฟคอยน์(PI)* กลับเผชิญวิกฤติราคาร่วงอย่างรุนแรง โดยในรอบเดือนที่ผ่านมา ราคาร่วงลงเกือบ 30% และหากเทียบกับระดับสูงสุดตลอดกาล ราคาดิ่งลงมาถึงกว่า 90% ท่ามกลางกระแสตลาดที่โดยรวมเป็นบวก *ไฟเน็ตเวิร์ก(Pi Network)* กลับกลายเป็นโครงการเดี่ยวที่ถูกตลาดเมิน
ตามข้อมูลจาก CoinGecko ณ ปัจจุบัน ราคา PI อยู่ที่ประมาณ 0.24 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 330 บาท) หลังจากเพิ่งแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.23 ดอลลาร์ แม้นจะฟื้นตัวเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ที่ 3 ดอลลาร์ ก็เท่ากับว่าราคาดิ่งลงมาแล้วกว่า 90% มูลค่าตลาดโดยรวมลดลงเหลือไม่ถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.78 แสนล้านบาท) โดยอยู่ในอันดับที่ 74 ของตลาด ซึ่งถือว่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากต้นปีที่เคยแตะระดับสูงกว่า 1.3 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 1.87 ล้านล้านบาท)
ในชุมชนและแวดวงคริปโต มีความเห็นว่าสถานการณ์นี้อาจยืดเยื้อออกไป ผู้ใช้งานหนึ่งใน X (อดีต Twitter) ที่ใช้ชื่อว่า ‘The Times of PiNetwork’ คาดการณ์ว่า PI อาจตกลงไปถึง 0.10 ดอลลาร์ ขณะที่อีกคนแสดงความกังขาว่า “หลังการเปิดเมนเน็ต ทีมงานยังไม่มีแผนพัฒนาหรือโรดแมปที่ชัดเจน โครงการไม่มีทิศทางเลยจริงๆ” พร้อมชี้ว่า “มีบุคคลเพียงไม่กี่คนที่ควบคุมโครงการ ไม่มีการกระจายอำนาจ ความต้องการในระบบลดลง และการใช้งานบนเชนแทบไม่เกิดขึ้น” ความคิดเห็นเหล่านี้สะท้อนความ *ไม่ไว้วางใจต่อไฟเน็ตเวิร์กในภาพรวม*
อย่างไรก็ดี ก็ยังมีสัญญาณบางประการที่อาจบ่งชี้ถึง *ความหวังในการฟื้นตัว* อย่างจำกัด เช่น ปริมาณ PI ที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดภายใน 30 วันข้างหน้าอยู่ที่ต่ำกว่า 120 ล้านเหรียญ ซึ่งน้อยกว่าช่วงก่อนหน้าอย่างมาก อาจช่วยลดแรงกดดันฝั่งขายได้บางส่วน นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มี PI จำนวนประมาณ 2.5 ล้านเหรียญที่ถูกโอนจากกระดานแลกเปลี่ยนเข้าสู่กระเป๋าเงินส่วนตัว ซึ่ง *อาจตีความได้ว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าผู้ถือครองระยะยาวกำลังชะลอการขาย*
ด้านปัจจัยทางเทคนิค ตัวชี้วัด RSI ของ PI ดิ่งลงสู่ระดับ 24 ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ 30 ที่มักถูกมองว่าอยู่ในโซน ‘ขายมากเกินไป’ และโดยทั่วไปถือเป็นสัญญาณของการฟื้นตัวในอนาคต เมื่อเทียบกับระดับ RSI ที่เกิน 70 ซึ่งสะท้อนสภาวะ ‘ซื้อเกิน’ หรือภาวะตลาดร้อนแรง
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่า ถ้า *ไฟคอยน์ต้องการกลับมาแข็งแกร่ง* ไม่ใช่แค่ลดแรงขายเท่านั้น แต่ต้อง *ปรับปรุงโครงการในด้านการพัฒนาและการสื่อสารกับชุมชน* อย่างจริงจัง การฟื้นฟูความเชื่อมั่นในชุมชน การสร้างพันธมิตร และการผลักดันให้เกิดระบบที่กระจายอำนาจจริง จะเป็นปัจจัยสำคัญไม่น้อย หากต้องการปลดล็อกภาวะซบเซาที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
ความคิดเห็น 0