อีเธอเรียม(ETH) เสี่ยงปรับฐานหากหลุดแนวรับ 4,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางแรงขายระยะสั้น

หลังจากที่อีเธอเรียม(ETH) แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ราคาก็เริ่มชะงักเมื่อเจอแนวต้านที่ระดับ 4,500 ดอลลาร์ หรือราว 6,255,000 บาท โดยมีแรงขายระยะสั้นเพิ่มสูงขึ้น ทำให้เกิดแรงกดดันจากการปรับฐาน และราคามีการย่อตัวกลับไปใกล้แนวรับหลักที่บริเวณ 4,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 5,560,000 บาท ซึ่งนักลงทุนกำลังจับตาว่า การถอยครั้งนี้เป็นเพียงการพักฐานชั่วคราว หรือเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการปรับฐานลึกมากขึ้นกันแน่

ในขณะนี้ อีเธอเรียมอยู่ในช่วงประเมินแนวโน้ม โดยจากการวิเคราะห์ทางเทคนิค แสดงให้เห็นว่าในภาพรวมแล้ว สินทรัพย์ดิจิทัลตัวนี้ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในช่องแนวโน้มขาขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากกราฟรายวัน อีเธอเรียมไม่สามารถทะลุระดับ 4,800 ดอลลาร์ หรือราว 6,672,000 บาท ได้สำเร็จอีกครั้ง ขณะที่ตัวชี้วัดระยะสั้นต่างๆ ก็เริ่มอ่อนแรงลงโดยดัชนี RSI ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 49 บ่งชี้ถึงแรงซื้อที่เริ่มอ่อนแรงลง แม้ยังไม่ถึงขั้นที่แนวโน้มจะเปลี่ยนเป็นขาลงอย่างสมบูรณ์ แต่หากราคาหลุดแนวรับ 4,000 ดอลลาร์ แนวรับถัดไปจะอยู่ที่ระดับ 3,400 ดอลลาร์ หรือประมาณ 4,726,000 บาท

หากเจาะลึกลงไปในกราฟแท่งเทียน 4 ชั่วโมง จะพบสัญญาณ ‘การเปลี่ยนโครงสร้างตลาด’ หรือ MSS (Market Structure Shift) โดยราคามีการกลับตัวลงจากบริเวณแนวต้าน 4,800 ดอลลาร์ โดยไม่สามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ ขณะที่ RSI ก็ระบุถึง ‘สัญญาณไดเวอร์เจนซ์ขาลง’ อย่างชัดเจน จุดนี้เปิดโอกาสให้เกิดการปรับฐานลงต่อในกรอบระหว่าง 4,200~4,100 ดอลลาร์ หรือราว 5,838,000 ถึง 5,699,000 บาท และหากอีเธอเรียมต้องการกลับมายืนในทิศทางขาขึ้นได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง จำเป็นต้องฟื้นตัวขึ้นเหนือ 4,500 ดอลลาร์ให้ได้ ซึ่งจะทำให้จุดสูงสุดต่ำลงที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้นหมดความหมาย

ตลาดอนุพันธ์ก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สะท้อนถึงอารมณ์ของผู้เล่นในตลาดคริปโต โดยข้อมูลล่าสุดเผยว่า ‘มูลค่าการเปิดสถานะในตลาดอีเธอเรียมรวมทุกแพลตฟอร์ม’ ยังคงอยู่ที่ระดับสูงถึง 28.5 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 39.6 ล้านล้านบาท ตัวเลขนี้บ่งชี้ถึงการเดิมพันแบบเก็งกำไรที่ยังคงมีอยู่มาก อย่างไรก็ตาม ‘ระดับโอเพนอินเทอเรสต์ที่สูง’ ก็หมายถึงความเสี่ยงต่อแรงขายแบบบังคับเมื่อเกิดความผันผวนรุนแรงในตลาด หากราคายังปรับลดต่อเนื่องในขณะที่มูลค่าโอเพนอินเทอเรสต์ไม่ลดลง ก็มีโอกาสเห็น ‘ลูกโซ่จากการล้างพอร์ตฝั่ง Long’ ได้ ขณะที่ในทางกลับกัน หากตัวเลขนี้เริ่มลดลง จะเป็นสัญญาณที่ดีของการลดเลเวอเรจ และอาจวางพื้นฐานสำหรับการฟื้นตัวที่แข็งแรงและยั่งยืนมากขึ้น

โดยสรุป อีเธอเรียมยังคงเคลื่อนไหวในโครงสร้างขาขึ้นเมื่อมองในภาพใหญ่ แต่แรงขายระยะสั้นและสัญญาณของการอ่อนตัวให้เห็นเด่นชัดมากขึ้น นักลงทุนควรจับตาอย่างใกล้ชิดที่แนวรับ 4,000 ดอลลาร์และแนวต้าน 4,500 ดอลลาร์ และต้องมีความระมัดระวังในการวางกลยุทธ์ท่ามกลางความผันผวนของสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์และสภาวะเศรษฐกิจมหภาคในปัจจุบัน