ตลาดคริปโตฯ ย่อตัวแรง 4.5% นักลงทุนหวังบิตคอยน์(BTC)พุ่งปลายเดือนตุลาคม

ตลาดคริปโตฯ กำลังเผชิญแรงขายต่อเนื่อง แม้จะมีความหวังในปรากฏการณ์ ‘UpTover’ ที่นักลงทุนคาดหวังกันทุกเดือนตุลาคม โดยบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) รวมถึงเหรียญหลักอื่น ๆ ต่างปรับฐาน ส่งผลให้มูลค่าตลาดรวมลดลงประมาณ 4.5% หรือราว 2 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 278 ล้านล้านวอน) จากจุดสูงสุดรายเดือนที่ 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 7 ตุลาคม

นักวิเคราะห์หลายรายชี้ว่าการปรับฐานในรอบนี้ไม่ได้มีแค่ปัจจัยทางเทคนิคเท่านั้น แต่ยังเป็นผลมาจากการเทขายเลเวอเรจและความวิตกของนักลงทุนรายย่อยที่ลดระดับความเสี่ยง ซึ่งนักวิเคราะห์ทุนชื่อดังอย่าง Ash Crypto มองว่า *“นี่คือการเคลื่อนไหวตั้งใจเพื่อบังคับปิดโพสิชันเลเวอเรจของนักลงทุนรายย่อย”* โดยเขาให้ความเห็นว่าการปรับฐานในครั้งนี้อาจเป็นขั้นตอนเตรียมก่อนจะเกิดการพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงกลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไป

นักวิเคราะห์อีกคนที่ใช้ชื่อว่า Sykodelic ระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าบิตคอยน์เข้าสู่จุดพีค เขาเปรียบเทียบสถานการณ์กับราคาทองคำที่ทำจุดสูงสุดใหม่ในช่วงที่ผ่านมา พร้อมชี้ว่า *บิตคอยน์มักจะตอบสนองช้ากว่าทองคำ* และเมื่อพิจารณาจากมูลค่าในตลาด ทองคำมีขนาดเกิน 27 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่เงิน(Silver) อยู่ที่ 2.7 ล้านล้านดอลลาร์ สะท้อนแนวโน้มที่นักลงทุนกำลังมองหาทางเลือกใน ‘สินทรัพย์ปลอดภัย’

แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลตลาด Swissblock ระบุว่า แม้ตลาดจะอ่อนตัว แต่ *กระแสเงินทุนกลับเริ่มเคลื่อนเข้าสู่บิตคอยน์มากขึ้น* สะท้อนว่าอาจกำลังก้าวเข้าสู่ ‘ฤดูกาลของบิตคอยน์’ อีกครั้ง ขณะที่การหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในตลาดการเงินทั่วไป กำลังเปิดทางให้บิตคอยน์กลับมาโดดเด่นในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดจากภาครัฐ

ด้านสหรัฐฯ นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม โดยข้อมูลจากตลาด CME ชี้ว่า *มีโอกาส 94.6% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนตุลาคม และ 81.5% สำหรับเดือนธันวาคม* ปัจจัยนี้อาจส่งผลบวกต่อสภาพคล่องในตลาดคริปโตฯ ซึ่งมักตอบสนองไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย

แม้จะผันผวนในช่วงต้นเดือน แต่ *เดือนตุลาคมขึ้นชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่ตลาดคริปโตมักปรับตัวขึ้นแรง* โดยสถิติย้อนหลัง 12 ปี บ่งชี้ว่าบิตคอยน์ปรับขึ้นถึง 10 ครั้งในเดือนตุลาคม และในไตรมาสสุดท้ายของปี บิตคอยน์ก็ปรับขึ้นถึง 8 ครั้ง ปัจจุบันแม้ราคาจะย่อตัว แต่บิตคอยน์ยังคงเพิ่มขึ้น 6.4% ตั้งแต่ต้นเดือน โดยมีราคาซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 121,500 ดอลลาร์ (ราว 1.68 ล้านบาท)

ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ ประเมินว่าการย่อตัวในรอบนี้เป็นผลจาก *แรงกดดันด้านจิตวิทยาระยะสั้น* มากกว่าแนวโน้มขาลงในภาพรวม โดยมีแนวโน้มว่า *ตลาดอาจเริ่มเข้าสู่ช่วง ‘Parabolic Rally’ ตั้งแต่ปลายตุลาคมสู่ไตรมาส 4* นักวิเคราะห์บางรายถึงขั้นคาดการณ์ว่า บิตคอยน์อาจพุ่งสูงถึง 150,000–180,000 ดอลลาร์ (ราว 2.85–3.13 ล้านบาท) ขณะที่อีเธอเรียมอาจแตะระดับ 12,000 ดอลลาร์ (ราว 1.67 ล้านบาท)

ในอีกด้าน ความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ รวมถึงคาดการณ์เงินเฟ้อที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ส่งผลให้นักลงทุนจำนวนหนึ่งหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองและเงิน ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่กดดันตลาดคริปโตฯ ชั่วคราว อย่างไรก็ตาม *ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเชื่อว่าสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนเหล่านี้ จะยิ่งเปิดโอกาสใหม่ให้กับคริปโตฯ ในระยะต่อไป*