ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
ตลาดคริปโตเริ่มเย็นตัวลงอีกครั้ง หลังจากที่บิตคอยน์(BTC) พุ่งขึ้นไปแตะระดับ 110,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.53 ล้านบาท) ซึ่งสร้างความหวังในทิศทางขาขึ้น แต่ภายในเพียงวันเดียว ก็ได้ยอมคืนกำไรทั้งหมดที่สร้างได้ไป ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลและเริ่มเทขายเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน ริปเปิล(XRP) และชิบะอินุ(SHIB) ก็เผชิญแรงกดดันปรับตัวลงต่อเนื่อง หลังความคาดหวังการฟื้นตัวในระยะสั้นเริ่มสั่นคลอน
ริปเปิล(XRP) แม้จะพยายามดีดตัวขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่ในเชิงเทคนิคก็ยังคงอยู่ในภาวะขาลง โดยราคาปรับตัวลดลง 1.7% และไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 2.50 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,475 บาท) ได้ นอกจากนี้ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันยังทำหน้าที่เป็นแนวต้านสำคัญ พร้อมกับที่ XRP ยังคงสร้าง ‘จุดสูงใหม่ที่ต่ำลง’ ภายในช่องแนวโน้มขาลง ทำให้โอกาสฟื้นกลับในระยะสั้นยิ่งลดลงไปอีก ค่าดัชนี RSI ที่ต่ำกว่า 40 และการหลุดจากเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน บ่งชี้ว่ากระแสซื้อเริ่มแผ่วลงอย่างชัดเจน หากแนวโน้มนี้ยังคงต่อเนื่อง XRP อาจร่วงลงสู่ระดับ 2.20 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,058 บาท) หรือแม้แต่ 2.00 ดอลลาร์ (ประมาณ 2,780 บาท)
ด้านชิบะอินุ(SHIB) ก็เผชิญสภาวะย่ำแย่ไม่ต่างกัน แม้เพิ่งดีดกลับมายืนที่ 0.0000099 ดอลลาร์ (ประมาณ 0.01376 บาท) เมื่อวันก่อน สร้างความหวังในการฟื้นรายสั้น แต่ก็ถูกเทขายอย่างรวดเร็ว ปรากฎว่า ‘ศูนย์ปีศาจ’ หรือเลขหลักทศนิยมพิเศษที่เพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง กดให้โครงสร้างเชิงเทคนิคพังทลาย ปัจจุบัน SHIB ซื้อขายอยู่ใกล้ระดับ 0.0000090 ดอลลาร์ (ประมาณ 0.01251 บาท) โดยที่ RSI ยังคงอยู่ต่ำกว่า 40 สะท้อนแรงซื้อที่อ่อนแรงชัดเจน หากแนวรับถัดไปที่ 0.0000085 ดอลลาร์ (ประมาณ 0.01181 บาท) ถูกเจาะลงไป ก็มีโอกาสจะถอยต่อถึง 0.0000075 ดอลลาร์ (ประมาณ 0.01042 บาท)
บิตคอยน์(BTC) เองถูกเทขายกลับมาที่แนว 108,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.50 ล้านบาท) และอิงแนวรับบริเวณเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วันที่ประมาณ 107,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.49 ล้านบาท) เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยราคาร่วงลงถึง 1.8% ภายในวันเดียว ส่วนหนึ่งมาจากการทำกำไรของกลุ่มนักลงทุนที่เข้าเก็งกำไรระยะสั้น หนักกว่านั้นคือ กระแสเงินจากนักลงทุนสถาบันเริ่มลดลง และมีการเปิดสถานะ ‘ชอร์ต’ เพิ่มขึ้นในตลาดอนุพันธ์ ซึ่งภาพรวมนี้บ่งชี้ว่า ‘ความกลัว’ กำลังครอบงำตลาด
ระดับแนวรับสำคัญของบิตคอยน์ในตอนนี้คือ 106,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.47 ล้านบาท) หากไม่สามารถประคองไว้ได้ อาจหล่นต่อไปถึง 102,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.41 ล้านบาท) ส่วนแนวต้านด้านบนที่ 112,000~114,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.55~1.58 ล้านบาท) หากไม่สามารถทะลุผ่านได้ ก็ยิ่งยืนยันแนวโน้มอ่อนแรงของตลาด
ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การปรับฐานในรอบนี้อาจไม่ใช่แค่การพักตัวแบบชั่วคราว แต่เกิดจากทั้งการสลับกระแสเงินทุนและแรงกดดันในเชิงจิตวิทยา ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับฐานที่ลึกมากกว่าเดิมได้ การที่สัญญาณทางเทคนิคของเหรียญหลักยังคงถดถอย ยิ่งเพิ่มระดับความไม่มั่นใจโดยรวมในตลาด แนวโน้มของตลาดในระยะต่อไปจึงขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นในกลุ่มนักลงทุน รวมถึงการกลับเข้ามาลงทุนของกลุ่มสถาบันอีกครั้ง
ความคิดเห็น 0