หุ้นไมโครสตราเทจี(MSTR) ร่วง 16% ตั้งแต่ต้นปี ท่ามกลางความผันผวนของบิตคอยน์(BTC)

ไมโครสตราเทจี(MSTR) กำลังเผชิญกับความผันผวนของตลาดอย่างหนัก โดยราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวลดลง 16% ตั้งแต่ต้นปี สอดคล้องกับการปรับฐานของบิตคอยน์(BTC) ที่ลดลง 4% มาอยู่ที่ประมาณ 88,000 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 25 ตามรายงานของ Cointelegraph หุ้นของไมโครสตราเทจีปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับกลยุทธ์การใช้เงินกู้เพื่อสะสมบิตคอยน์ของบริษัท นักวิเคราะห์มองว่าตราบใดที่ไมโครสตราเทจียังคงเดินหน้าแผนการซื้อบิตคอยน์เพิ่มเติม ภาวะความผันผวนของหุ้นจะยังคงดำเนินต่อไป

The Kobeissi Letter ชี้ว่า "กลยุทธ์ของไมโครสตราเทจีขึ้นอยู่กับความสามารถในการระดมทุนจากการถือครองบิตคอยน์" อีกทั้งเตือนว่า "หากภาระหนี้สินพุ่งสูงกว่ามูลค่าสินทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญ บริษัทอาจเผชิญกับความยากลำบากในการดำเนินกลยุทธ์ในระยะยาว"

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก Wall Street ยังคงมีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับศักยภาพของไมโครสตราเทจี โดยเมื่อวันที่ 6 นักวิเคราะห์จาก Benchmark ได้ปรับเป้าหมายราคาหุ้นของบริษัทขึ้นเป็น 650 ดอลลาร์ พร้อมคาดการณ์ว่าจะมีการระดมทุนเพิ่มเพื่อซื้อบิตคอยน์ต่อเนื่องตลอดปี

ตั้งแต่ปี 2020 ไมโครสตราเทจีได้ใช้เงินกว่า 33,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.19 ล้านล้านบาท) ในการซื้อบิตคอยน์ โดยราคาซื้อเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 66,000 ดอลลาร์ต่อเหรียญ ปัจจุบัน บริษัทมีกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (Unrealized Gains) มากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 360,000 ล้านบาท) การลงทุนในบิตคอยน์ของบริษัทได้รับการสนับสนุนจากการออกหุ้นเพิ่มทุนและการขายหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่ากว่า 9,500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 342,000 ล้านบาท) ซึ่งส่วนใหญ่จะครบกำหนดในปี 2027

The Kobeissi Letter คาดการณ์ว่า "เว้นเสียแต่ว่าบิตคอยน์จะร่วงลงมากกว่า 50% จากระดับปัจจุบันแล้วคงอยู่เช่นนั้นจนถึงปี 2027 จึงจะมีความเป็นไปได้ที่ไมโครสตราเทจีจะต้องทำการขายบิตคอยน์ในภาวะฉุกเฉิน"

ในอีกด้านหนึ่ง ด้วยราคาบิตคอยน์ที่ร่วงต่ำกว่า 90,000 ดอลลาร์ หุ้นไมโครสตราเทจีได้ร่วงลงมากกว่า 10% ภายในวันเดียว ปิดที่ระดับ 245 ดอลลาร์ ซึ่งลดลงเกือบ 50% จากระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 473 ดอลลาร์เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว

Benchmark แสดงความเชื่อมั่นว่าไมโครสตราเทจียังคงมี 'ผลตอบแทนจากบิตคอยน์ (Bitcoin yield)' และแนะนำให้นักลงทุนพิจารณาบริษัทตามจำนวนบิตคอยน์ที่ถือครอง มากกว่าการเปรียบเทียบกับมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (Net Asset Value) ขณะที่แผนของบริษัทคือตั้งเป้าสร้างผลตอบแทนจากบิตคอยน์ให้ได้ 15% ภายในปี 2025

ถึงแม้ราคาหุ้นจะเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนัก แต่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยังมองว่า ในระยะยาว หากไมโครสตราเทจียังคงเดินหน้าสะสมบิตคอยน์ต่อไป เมื่อตลาดกลับมาเป็นขาขึ้น ก็มีโอกาสสูงที่จะส่งผลให้ราคาหุ้นเด้งกลับมาอย่างแข็งแกร่ง