NYDIG ชี้ค่าเงินดอลลาร์อ่อน ส่งผลชัดเจนต่อราคาบิตคอยน์(BTC) มากกว่าเงินเฟ้อ

แม้ว่าภาพลักษณ์ของบิตคอยน์(BTC)ในฐานะเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อจะยังคงเข้มแข็งในแวดวงคริปโต แต่รายงานล่าสุดชี้ว่า *การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐกลับเป็นปัจจัยหลัก* ที่ผลักดันราคาบิตคอยน์ให้สูงขึ้น ตามรายงานจากบริษัทลงทุนด้านดิจิทัลอย่าง นิวยอร์กดิจิทัลอินเวสต์เมนต์กรุ๊ป(NYDIG) ระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างบิตคอยน์และอัตราเงินเฟ้อไม่สม่ำเสมอ และมีความเชื่อมโยงต่ำ

จู กียอง หัวหน้าฝ่ายวิจัยระดับโลกของ NYDIG เปิดเผยในรายงานล่าสุดว่า “แม้บิตคอยน์จะถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ แต่ข้อมูลทางสถิติที่สนับสนุนแนวคิดนี้ยังมีจำกัด” เขากล่าวเพิ่มเติมว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างบิตคอยน์และตัวชี้วัดเงินเฟ้อไม่คงที่และไม่ได้อยู่ในระดับสูง ขนาดของเงินเฟ้อที่คาดการณ์ล่วงหน้านั้นมีคุณค่าทางคาดการณ์บ้าง แต่ก็ยังไม่สัมพันธ์ใกล้ชิดเมื่อเปรียบเทียบจริง”

ที่ผ่านมา บิตคอยน์มักถูกเรียกว่า ‘ทองคำดิจิทัล’ เนื่องจากมีลักษณะการออกเหรียญที่จำกัดและระบบกระจายศูนย์ โดยทั้งสองปัจจัยสนับสนุนแนวคิดว่าราคาของมันควรได้รับผลกระทบน้อยจากภาวะเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม การเชื่อมโยงกับระบบการเงินแบบดั้งเดิมที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลัง ได้เริ่มทำลายพื้นฐานความเชื่อเหล่านั้น

แนวคิดนี้ยังสามารถนำไปเปรียบเทียบกับทองคำจริงได้เช่นกัน จูระบุว่า “แม้แต่ทองคำก็ตอบสนองต่อเงินเฟ้ออย่างไม่สม่ำเสมอ และในบางช่วงเวลายังแสดงความสัมพันธ์แบบตรงกันข้ามด้วยซ้ำ” เขาย้ำว่าการค้นพบนี้ค่อนข้างน่าประหลาดใจ เพราะทองคำเองก็ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์หลบภัยในช่วงเงินเฟ้อมาโดยตลอด

แต่สิ่งที่นักลงทุนควรจับตามองคือ *การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อทั้งบิตคอยน์และทองคำอย่างชัดเจน* โดยจูให้ข้อมูลว่า เมื่อดัชนีดอลลาร์(Dollar Index) ซึ่งใช้วัดค่าของเงินดอลลาร์อ่อนแรงลง ราคาทองคำมักจะปรับตัวขึ้น และบิตคอยน์ก็มักแสดงพฤติกรรมในลักษณะเดียวกัน “บิตคอยน์มีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับค่าเงินดอลลาร์ แม้ระยะเวลาของแนวโน้มนี้จะยังไม่ยาวนานเท่าทองคำ แต่สัญญาณดังกล่าวเริ่มมีความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ”

ในท้ายที่สุด บทวิเคราะห์ฉบับนี้เน้นให้เห็นว่า *ค่าของเงินดอลลาร์มีบทบาทสำคัญกว่าภาวะเงินเฟ้อในการกำหนดราคาของบิตคอยน์และทองคำ* โดยสิ่งที่ตลาดควรให้ความสำคัญ อาจไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ แต่เป็นความเคลื่อนไหวของดอลลาร์ในตลาดแลกเปลี่ยนต่างหากที่อาจส่งผลลึกซึ้งต่อทิศทางราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต