คริปโตดอทคอมเตือน: 'ภาษีศุลกากร' กระทบตลาดคริปโต แรงขายพุ่งกว่า 1 พันล้านดอลลาร์

แพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลกอย่างคริปโตดอทคอม(Crypto.com) เปิดเผยรายงานล่าสุดว่า *นโยบายภาษีศุลกากรของภาครัฐ* สามารถส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อ *ตลาดคริปโต* โดยชี้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เพียงปัจจัยด้านการค้า แต่ยังเกี่ยวโยงถึง *จิตวิทยาเศรษฐกิจ* โดยรวมอีกด้วย

ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2025 หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศใช้มาตรการ *เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตราสูง* ตลาดคริปโต รวมทั้ง *บิตคอยน์(BTC)* ได้เกิดการปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสัญญาณว่า *คริปโตเคอร์เรนซีเริ่มตอบสนองอย่างชัดเจนต่อปัจจัยมาโคร เช่น นโยบายการเงินหรือยุทธศาสตร์ทางการทูต* คริปโตดอทคอมรายงานว่า ภายในไม่กี่วันหลังประกาศ มีการล้างพอร์ตในตลาดคริปโตมูลค่าราว 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนจิตวิทยาการหลบเลี่ยงความเสี่ยงของนักลงทุนที่ทวีขึ้น

รายงานยังอธิบาย *กลไกการทำงานของภาษีศุลกากรกับตลาดคริปโต* เช่น *ค่าภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้มูลค่าของเงินสกุลหลักอย่างดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น* ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้ *บิตคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ มักได้รับแรงกดดันในฝั่งขาลง* นอกจากนี้ หากภาษีกระทบต่อการค้าโลกจนการเคลื่อนย้ายทุนทั่วโลกชะลอลง อุปสงค์ในการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโตก็อาจลดลงตามไปด้วย

แม้แต่กลุ่มการ *ขุดเหรียญดิจิทัล* ก็ไม่ได้รับการยกเว้น หากประเทศใดที่นำเข้าอุปกรณ์ขุด ASIC เป็นจำนวนมากตกอยู่ภายใต้นโยบายภาษีดังกล่าว ก็อาจทำให้ *ผลกำไรจากการขุดลดลง* โดยตรงโดยเฉพาะสินทรัพย์แบบ *Proof-of-Work* เช่น บิตคอยน์ และหากประเทศที่เป็นฐานการขุดหลักอย่างแคนาดาได้รับผลกระทบจากภาษี ความปลอดภัยของเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ก็อาจเปลี่ยนแปลงได้ ข้อมูลจากคริปโตดอทคอมวิเคราะห์ว่า *การขุดมีแนวโน้มชะลอตัวลงภายใต้แรงกดดันทางเศรษฐกิจ*

นอกจากนี้ ผลกระทบของมาตรการภาษีอาจแตกต่างกันไปในแต่ละกลุ่มของคริปโต เช่น *บิตคอยน์* ซึ่งมีนักลงทุนสถาบันเข้าร่วมมากขึ้น อาจ *ตอบสนองในแบบเดียวกันกับสินทรัพย์เสี่ยงแบบดั้งเดิม* ในขณะที่ *สเตเบิลคอยน์* อาจมี *บทบาทในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย* ในช่วงที่มีความไม่แน่นอน ส่วน *โทเคนยูทิลิตี้* ก็จะมีพฤติกรรมราคาที่ขึ้นอยู่กับผลกระทบที่อุตสาหกรรมนั้นๆ ได้รับจากภาษี

แนวโน้มนี้สอดคล้องกับ *พฤติกรรมของตลาดหุ้นในอดีต* เช่นในช่วงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในปี 2018 ที่ดัชนี S&P 500 มีความผันผวนสูงหลังการประกาศภาษี รายงานจึงชี้ว่า *พฤติกรรมของนักลงทุนในตลาดดั้งเดิมเริ่มส่งอิทธิพลต่อคริปโตมากขึ้น*

รายงานฉบับนี้สุดท้ายส่งสัญญาณชัดเจนว่า แม้ *คริปโตเคอร์เรนซีเป็นเทคโนโลยีแบบกระจายศูนย์* แต่ *การประเมินมูลค่าและบริบทในการใช้งานจริงกลับผูกกับภาวะเศรษฐกิจโลกมากขึ้น* เมื่อนโยบายเสี่ยงอย่างภาษีหรือสงครามการค้าเกิดขึ้น นักลงทุนจึงตอบสนองผ่านการขายหรือปรับพอร์ตโดยทันที

ในที่สุด บทวิเคราะห์จากคริปโตดอทคอมตอกย้ำว่า *แม้ระบบคริปโตจะดูเป็นอิสระจากการเงินดั้งเดิม แต่ก็ยังเปราะบางต่อแรงกระแทกจากเศรษฐกิจรอบด้าน* นักลงทุนจึงต้อง *จับตานโยบายระดับมหภาคอย่างใกล้ชิด* และเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้