บิตคอยน์(BTC) พุ่งเกือบ 10% แต่ชะลอใกล้แนวต้าน 115,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางแรงซื้ออ่อน-เทรดซบเซา

บิตคอยน์(BTC) พุ่งขึ้นเกือบ 10% หลังแตะจุดต่ำสุดที่ 103,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 14.37 ล้านบาท) เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม แต่กลับเริ่มชะลอการฟื้นตัวใกล้แนวต้านที่ระดับ 115,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 16.02 ล้านบาท) โดยปัจจุบันราคายังเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงดังกล่าว ท่ามกลาง ‘ความต้องการซื้อที่อ่อนแรง’ และ ‘กิจกรรมบนบล็อกเชนที่ลดลง’ ซึ่งกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในระยะสั้น ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าการขยับขึ้นจากแนวต้านนี้ในช่วงวันหรือสัปดาห์ข้างหน้าจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขบางประการ

จากการวิเคราะห์ล่าสุดของสวิสส์บล็อก(Swissblock) ระบุว่า การที่ *บิตคอยน์สามารถป้องกันระดับ 114,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 15.85 ล้านบาท)* ได้นั้น จะเป็น ‘เงื่อนไขสำคัญ’ ต่อการขยายแนวโน้มขาขึ้น โดยระดับดังกล่าวถือเป็นหนึ่งใน ‘แนวรับทางเทคนิค’ ที่แข็งแกร่ง ครอบคลุมเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน (SMA) และแนวต้านด้านจิตวิทยาที่ระดับ 110,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 15.29 ล้านบาท) ซึ่งบิตคอยน์สามารถทวงกลับมาได้หลังฟื้นตัวกว่า 5% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา

ทางสวิสส์บล็อกยังระบุผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า “ในสัปดาห์นี้ *ตลาดกำลังจับตาดูว่าบิตคอยน์ได้สร้างฐานแนวรับหรือยัง*” พร้อมเสริมว่า หากต้องการสร้างแนวโน้มขาขึ้นอย่างมั่นคง จำเป็นต้องมี ‘การจุดประกายโมเมนตัม(momentum ignition)’ ที่แข็งแกร่งเข้ามาสนับสนุน โดยเฉพาะหลังจากการร่วงหนักเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ซึ่งทำให้โมเมนตัมในภาพรวมพลิกเป็นลบอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน ข้อมูลในตลาดยังแสดงให้เห็นว่า *ปริมาณการซื้อขายในตลาดสปอตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ* รวมถึงกิจกรรมการซื้อขายโดยรวมก็อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า หากปราศจาก ‘การคืนกลับของปริมาณการเทรดที่ชัดเจน’ โอกาสในการทะลุแนวต้านก็อาจยากขึ้นตามลำดับ

*ความคิดเห็น*: แนวโน้มขาขึ้นของบิตคอยน์ในตอนนี้ยังอยู่ในช่วงลังเลระหว่างคำถามว่าเป็นเพียงการรีบาวด์ชั่วคราวหรือเป็นสัญญาณของการเข้าสู่ตลาดกระทิง ขึ้นอยู่กับว่าระดับ 114,000 ดอลลาร์จะสามารถยืนได้แข็งแกร่งหรือไม่ และจะมีแรงซื้อใหม่ๆ กลับเข้ามาผลักดันราคาหรือเปล่า โดยเฉพาะในภาวะที่ตลาดยังไม่มีแรงจูงใจเชิงบวกชัดเจนเพิ่มเข้ามา

ท้ายที่สุด การฟื้นตัวอย่างยั่งยืนของบิตคอยน์จำเป็นต้องมีมากกว่าแค่การดีดกลับทางเทคนิคหรือการปิดสถานะชอร์ต แต่ต้องมี ‘ความเชื่อมั่นในระยะยาว’ และกระแสความต้องการใหม่ๆ หวนคืนสู่ตลาด ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดแนวโน้มราคาของบิตคอยน์ในช่วงต่อไปอย่างมีนัยสำคัญ