ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
โปรเจกต์ *ฟลูอิด(FLUID)* กำลังเป็นหนึ่งในโครงการที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในตลาดการเงินไร้ศูนย์กลาง(DeFi) จากรายงานของ Alea Research เมื่อวันที่ 24 พบว่า ฟลูอิดสามารถสร้างความแตกต่างจากโปรโตคอล DeFi ทั่วไปด้วยการใช้โครงสร้างแบบ ‘การครอบครองสแตก’ เพื่อเพิ่ม *ประสิทธิภาพการใช้ทุน* ทำให้สามารถสร้างรายได้จากแต่ละหน่วยเงินทุนในระบบได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยอย่างมีนัยสำคัญ
โดยทั่วไปโปรโตคอล DeFi มักจะแยกสินทรัพย์ตามฟังก์ชัน เช่น แยกสำหรับการเทรดหรือการปล่อยกู้ แต่ *ฟลูอิด* เลือกนำ *เลเยอร์ของสภาพคล่องแบบรวมศูนย์* มาใช้ เพื่อลิงก์ระหว่าง *การเทรด, การให้กู้* และ *การให้ยืม* ภายใต้ทุนกองเดียวกัน ซึ่งหมายความว่า ดอลลาร์เดียวกันสามารถถูกนำไปใช้ในการซื้อขายหรือปล่อยกู้พร้อมกันได้ ช่วยสร้างรายได้ในรูปของค่าธรรมเนียมจากหลายทิศทาง
ตามรายงานของ Alea Research ระบบนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มรายได้ให้โปรโตคอลเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนกลไก ‘การซื้อคืนโทเคน’ (Buyback) เพื่อสะสมมูลค่าและสร้างแรงจูงใจระยะยาวต่อผู้ถือครองโทเคน
องค์ประกอบสำคัญอีกประการ คือ *กลไกหลักประกัน (Smart Collateral) และหนี้อัจฉริยะ (Smart Debt)* ที่ช่วยให้ผู้กู้สามารถเข้ามามีบทบาทในการสร้างสภาพคล่องพร้อมกันกับการก่อหนี้ ส่งผลให้เกิด *โครงสร้าง Flywheel* หรือกลไกหมุนเวียนรายได้ที่แข็งแกร่ง โดยระบบนี้สามารถทำการ ‘ลูป’ หรือใช้กลยุทธ์ทบต้นทุนได้มากกว่า 19 ครั้ง ถือเป็นการเพิ่มขอบเขตการใช้สินทรัพย์ให้กว้างกว่าตลาดเงินกู้ทั่ว ๆ ไปได้อย่างชัดเจน
อีกหนึ่งจุดเด่นของ *ฟลูอิด* คือระบบการชำระบัญชี (Liquidation) ที่ใช้ *โมเดลแบบบัคเก็ตแบ่งตาม Tick* แทนการปิดโพซิชันทีละรายการ วิธีนี้ช่วยลดต้นทุนก๊าซ (Gas Fee) ลงอย่างมีประสิทธิภาพ และสำคัญที่สุดคือ ลดโทษค่าปรับจากการโดนชำระบัญชีลงเหลือเพียง 0.1–1% ต่ำกว่ามาตรฐานตลาดทั่วไปที่ราว 5–10% ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดึงดูดผู้ใช้ได้ดี
ฟลูอิดยังเลือกที่จะไม่เป็นเพียง *แพลตฟอร์ม AMM ธรรมดา* แต่เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสานตลาดกู้ยืมและการซื้อขายเข้าด้วยกัน ทำให้ผู้ให้บริการสภาพคล่อง (LP) มีโอกาสสร้างรายได้โดยอิงตามตำแหน่งของสินทรัพย์ที่ลงไว้ ส่งผลให้ผู้ออก *สเตเบิลคอยน์* และ *LST* มองเห็นโอกาสในการขยายฟังก์ชันให้ทรัพย์สินตนและใช้ฟลูอิดเป็นแหล่งสภาพคล่องและการปล่อยกู้หลักในอนาคต
ระบบ ‘ซื้อคืนอัตโนมัติ’ หรือ Auto Buyback ของฟลูอิดกำลังอยู่ในขั้นตอนที่นำรายได้ทั้งหมดบนเครือข่าย *อีเธอเรียม(ETH)* มาซื้อคืนโทเคน FLUID กลับเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง มีการปรับสัดส่วนการซื้อคืนตาม *Fully Diluted Valuation (FDV)* ซึ่งคาดว่าจะขยายไปยังบล็อกเชนใหม่ เช่นเมกาอีทีเอช(MegaETH) และโมนา(Monad)
Alea Research ยังระบุว่า ฟลูอิดเป็นโครงสร้างแบบ ‘รวมศูนย์อัจฉริยะ’ ที่สามารถทำงานได้ทั้งบนนเครือข่าย *อีเธอเรียม(ETH)* และ *โซลานา(SOL)* โดยมีผลการดำเนินการที่โดดเด่น เช่น ยอดซื้อขาย DEX บนอีเธอเรียมอยู่ในอันดับ 2 รองจาก *ยูนิสวอป(Uniswap)* และอยู่ในอันดับ 2 ของภาคการปล่อยกู้บนโซลานา รองจาก *คามิโน(Kamino)*
ในมุมของการประเมินมูลค่า พบว่า *ฟลูอิดมี P/S (Price-to-Sales) อยู่ที่ราว 39 เท่า* สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม แต่ได้รับการมองว่ามีความเหมาะสมเพราะโครงสร้างที่ใช้ทุนซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นพิเศษ โดยใน *กรณีฐาน (Base Case)* หากมีการฝากทรัพย์สินรวม 10,000 ล้านดอลลาร์ และได้รายได้เฉลี่ย 30bps จะสามารถผลักดันมูลค่าของโทเคนให้เติบโตได้เกือบ 204% ส่วนใน *กรณีตลาดขาขึ้น (Bullish Case)* ตัวเลขดังกล่าวอาจแตะถึง 355%
ฟลูอิดกำลังเป็นผู้นำเสนอ *พาราไดม์ใหม่ในโลก DeFi* ด้วยการทำให้ ‘เงินทุนหนึ่งหน่วย’ สามารถนำไปใช้งานได้มากกว่าหนึ่งครั้งโดยไม่มีอุปสรรคด้านโครงสร้าง Alea Research นิยามฟลูอิดว่าเป็น “งบดุลแบบดอกเบี้ยทบต้น (Compounding Balance Sheet) ที่มีวงจรเป็นของตัวเองและเก็บเกี่ยวรายได้ด้วยตัวเอง” พร้อมเสนอให้ใช้เป็น *มาตรฐานใหม่ของความมีประสิทธิภาพในระบบการเงินไร้ศูนย์กลาง* ในอนาคต
ความคิดเห็น 0