ตลาดคริปโตพลิกฟื้น 33,000 ล้านดอลลาร์ใน 6 ชั่วโมง ริปเปิล(XRP) พุ่ง 11% แซงหน้าไบแนนซ์คอยน์(BNB)

ตลาดคริปโตฯ กลับมาพลิกฟื้นแรงอีกครั้งภายในเวลาเพียง 6 ชั่วโมง โดยเม็ดเงินไหลเข้าสูงถึง 33,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.47 ล้านล้านบาท) จุดกระแสนักลงทุนมั่นใจขึ้นเมื่อราคาเหรียญหลักพุ่งเร็ว ส่งผลให้บรรยากาศตลาดโดยรวมกลับมาเป็นขาขึ้นในระยะสั้น

อ้างอิงจากข้อมูลตลาดเมื่อเร็ว ๆ นี้ บิตคอยน์(BTC) ราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแตะที่ระดับ 107,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.47 ล้านบาท) ส่วนอีเธอเรียม(ETH) ขยับขึ้น 1.22% อยู่ที่ 3,850 ดอลลาร์ (ประมาณ 511,000 บาท) อย่างไรก็ตาม ไฮไลต์อยู่ที่ริปเปิล(XRP) ที่พุ่งขึ้นถึง 11% ภายในวันเดียว แซงหน้าไบแนนซ์คอยน์(BNB) ขึ้นมายึดอันดับ 4 ของตลาดตามมูลค่ารวมอีกครั้ง โดยริปเปิลมีมูลค่าตลาดที่ประมาณ 152,200 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 20.2 ล้านล้านบาท) นำหน้า BNB ที่อยู่ที่ 150,400 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 20 ล้านล้านบาท)

เหรียญหลักอื่น ๆ อย่างโซลานา(SOL), คาร์ดาโน(ADA) และโดจคอยน์(DOGE) ต่างพากันดีดตัวขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมตลาดเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ประเมินว่าการดีดตัวนี้เกิดขึ้น ‘โดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ’ แต่ชี้ว่าอาจมาจากการเร่งปิดตำแหน่งชอร์ตของนักลงทุน และความต้องการของสถาบันที่เข้ามาในตลาด ส่งผลให้เกิดแรงซื้อแบบ ‘ช็อกรีบาวด์’

ในเชิงเทคนิค บิตคอยน์ยังสามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน และรักษาระดับแนวรับทางจิตวิทยาที่ 108,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.45 ล้านบาท) ไว้ได้ ขณะที่ระดับแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 113,800-114,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.539-1.54 ล้านบาท) แม้ว่า Relative Strength Index (RSI) ของเหรียญหลักหลายตัวจะยังอยู่ในระดับกลาง ซึ่งอาจเร็วเกินไปที่จะมองว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้น แต่ก็บ่งชี้ถึง ‘สัญญาณการฟื้นตัวของสภาพคล่อง’ อย่างเห็นได้ชัด

ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่าความเคลื่อนไหวอย่างแข็งแกร่งของริปเปิลอาจกระตุ้นความคาดหวังต่อบทบาทในตลาดโอนเงินและชำระเงินแบบมีใบอนุญาตอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า การพุ่งขึ้นรอบนี้ไม่ใช่สัญญาณเริ่มต้นของฤดูกาล altcoin แต่สื่อถึงภาวะ ‘พร้อมเสี่ยง’ ของนักลงทุนระยะสั้นมากกว่า

การที่เงินทุนมหาศาลสูบเข้าตลาดภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง สะท้อนทั้ง ‘ความผันผวน’ และ ‘โอกาส’ ที่ยังมีอยู่ในโลกคริปโตฯ อย่างชัดเจน นักลงทุนจึงควรจับตาความเคลื่อนไหวของปัจจัยมหภาคสำคัญในระยะต่อไปอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะแนวโน้มด้านเทคนิค ที่อาจกลายเป็นตัวชี้วัดสำคัญของกระแสครั้งหน้า.