บิตคอยน์(BTC) ร่วงกว่า 7% สวนกระแสปัจจัยพื้นฐาน ผู้เชี่ยวชาญชี้เป็นภาวะขายเชิงจิตวิทยา

บิตคอยน์(BTC) ร่วงลงกว่า 7% ในสัปดาห์นี้ โดยแตะระดับประมาณ 102,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.36 ล้านบาท ตามอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งสะท้อนถึงแรงขายในสินทรัพย์เสี่ยงที่กดดันตลาดอย่างชัดเจน ดัชนีฟิวเจอร์สแนสแด็ก 100 เองก็ปรับตัวลดลง 1.67% ในช่วงเดียวกัน ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ เอโคอีโนเมตริกซ์ ระบุว่า เมื่อแนสแด็กร่วงมากกว่า 1.5% ภายในวันเดียว มีโอกาสถึง 75% ที่บิตคอยน์จะติดลบเฉลี่ยราว –2.4% ในวันนั้นเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม แรงเทขายในรอบนี้อาจไม่ใช่ผลจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เอโคอีโนเมตริกซ์วิเคราะห์ว่า สถานการณ์ทางการเงินโดยรวมยังคง ‘ผ่อนคลาย’ และตลาดหุ้นสหรัฐก็ยังทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่อง นั่นหมายความว่า ‘บิตคอยน์ยังถูกประเมินค่าต่ำเมื่อเทียบกับสภาพแวดล้อมมหภาค’ พร้อมชี้ว่า การปรับฐานครั้งนี้มีลักษณะเป็น ‘การขายเชิงจิตวิทยา’ มากกว่าปัญหาเชิงโครงสร้าง

ขณะเดียวกัน กองทุน ETF แบบซื้อขายสินทรัพย์จริงของบิตคอยน์เริ่มมีสัญญาณชะลอตัว โดยช่วงต้นไตรมาส 4 มีเงินทุนไหลเข้ามากกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 6.68 แสนล้านบาท แต่ในช่วง 4 สัปดาห์ล่าสุดกลับมีเงินไหลออกสุทธิราว 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้กราฟการไหลของเงินจะเริ่มลดลง แต่ก็ยังอยู่ในสถานะ ‘สุทธิเป็นบวก’ สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการถือครองระยะยาวจากนักลงทุนสถาบัน

สัญญาณจากข้อมูลบนเชน(On-chain) ก็ปรากฏภาพในแง่บวกเช่นกัน การเพิ่มขึ้นของสภาพคล่องในสเตเบิลคอยน์และความเคลื่อนไหวสะสมบิตคอยน์ของวอลเล็ตหลัก บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ของการดีดตัวกลับ แม้ตอนนี้ยังไม่มี ‘ตัวเร่งปฏิกิริยา’ ที่ชัดเจนสำหรับการฟื้นตัว แต่ถ้าจิตวิทยาตลาดเริ่มพลิก กลับมาสู่โหมดเชิงบวก ก็มีโอกาสที่ราคาจะฟื้นตัวได้อีกครั้ง ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญระบุว่า แนวโน้มระยะยาวยังคงแข็งแกร่งภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสม