AM Management ชี้ Fed ลดดอกเบี้ยหนุนตลาดบิตคอยน์(BTC) แต่ความไม่แน่นอนยังถ่วงทิศทาง

บริษัทวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก เอเอ็มแมเนจเมนต์(AM Management) วิเคราะห์ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) ร่วมกับบรรยากาศคาดหวังเชิงบวกหลังการประชุมผู้นำสหรัฐ-จีน ส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในตลาดบิตคอยน์(BTC) และกองทุน ETF ซึ่งเกิดการ ‘เคลื่อนย้ายเงินทุน’ อย่างชัดเจน แม้การคาดหวังว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินช่วยสร้างแรงหนุนระยะสั้นให้ตลาด แต่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางของนโยบายในอนาคตยังคงเป็น ‘ตัวแปรสำคัญ’

เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2025 Fed ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 4.00% โดยประธานเจอโรม พาวเวลล์ระบุว่านี่เป็นมาตรการ ‘ป้องกันล่วงหน้า’ และเตือนตลาดไม่ให้มองโลกในแง่ดีเกินไป AM Management ชี้ว่านี่เป็นการ ‘ตอบสนองต่อภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจ’ ล่วงหน้า ขณะที่ CME FedWatch บ่งชี้ว่าความเป็นไปได้ที่ Fed จะลดดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมครั้งถัดไปมีสูงถึง 69.3% อย่างไรก็ตาม การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจบางส่วนไม่ถูกเปิดเผย ส่งผลให้ธนาคารกลางต้องเผชิญ ‘ความไม่แน่นอน’ ในการวิเคราะห์สถานการณ์ โดยในอนาคตทิศทางนโยบายดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับ ‘อัตราเงินเฟ้อ’ และสถานะตลาดแรงงาน

ในขณะที่ตลาดคริปโตเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง ‘พักฐาน’ แต่ภาพรวมการไหลเวียนของกองทุน ETF กลับส่งสัญญาณในเชิงบวก โดยในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา บิตคอยน์ ETF ที่จดทะเบียนในตลาดสหรัฐมีเงินไหลเข้าสุทธิรวมราว 930 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.3 ล้านล้านวอน) ซึ่งเป็นระดับที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 5 เดือน นำโดยกองทุน iShares Bitcoin Trust(IBIT) และ Fidelity Wise Origin(FBTC) ซึ่งสะท้อนถึง ‘การกลับมาของสถาบันการเงิน’ อย่างเป็นรูปธรรม

ในทางตรงกันข้าม กองทุนอีเธอเรียม(ETH) ETF กลับเผชิญเม็ดเงินไหลออกสุทธิราว 140 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสัญญาณว่า ‘สถาบันกำลังโยกย้ายสินทรัพย์กลับไปยังบิตคอยน์’ ซึ่งถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า

แม้บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำจะรายงานผลประกอบการที่ดี แต่ราคาบิตคอยน์กลับปรับลดลง 4.5% จากสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 109,664 ดอลลาร์ การเคลื่อนไหวบริเวณแนวรับทางเทคนิคที่ 98,000 ดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับระดับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 60 วันของกราฟรายสัปดาห์ ถือว่าเป็น ‘แนวรับสำคัญ’ หากยังสามารถยืนอยู่ได้ อาจมี ‘แรงดีดกลับระยะสั้น’ แต่หากหลุดแนวรับนี้ ราคามีโอกาสปรับลดลงอีก -30%

อีกประเด็นสำคัญคือ การที่ ‘อัตราครองตลาด (Dominance)’ ของเหรียญเทอร์เธอร์(USDT) พุ่งขึ้นแตะ 4.98% หรือเพิ่มขึ้นกว่า 4.62% จากสัปดาห์ก่อน มีแนวโน้มทะลุแนวต้านที่ 5.1% ซึ่งสะท้อนว่า ‘นักลงทุนกำลังเปลี่ยนกลับไปถือเงินสด’ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของตลาด และอาจหมายถึง ‘แรงกดดันขาย’ ระยะสั้นที่เพิ่มขึ้นต่อบิตคอยน์

AM Management สรุปว่าสถานการณ์ขณะนี้เป็นการปะทะกันระหว่าง ‘ความคาดหวังนโยบายผ่อนคลาย’ กับ ‘ระดับความไม่แน่นอนที่ยังสูง’ และควรให้ความสำคัญกับ 'จังหวะแห่งการเปลี่ยนทิศทางตลาด' มากกว่าการรีบเก็งกำไรกับการดีดตัวในระยะสั้น โดยเฉพาะ ‘กระแสเงินทุนจากสถาบันผ่าน ETF’ และ ‘แนวรับทางเทคนิคหลัก’ ของราคาบิตคอยน์ จะเป็นกุญแจสำคัญในการกำหนดทิศทางของตลาดคริปโตในระยะกลาง