บิตคอยน์(BTC) ร่วงแรง 10% แตะแนวรับ 100,000 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์ชี้เป็นจุดตัดสินฟื้นตัวหรือร่วงต่อ

บิตคอยน์(BTC) ร่วงลงเกือบ 10% ภายในหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา และกำลังทดสอบระดับ *แนวรับสำคัญ* บริเวณ 100,000 ดอลลาร์ หรือราว 1 ล้านบาท นักวิเคราะห์ชี้ว่า โซนราคานี้เป็นจุดดูดซับสภาพคล่องก่อนหน้านี้ จึงเป็นโซนชี้วัดสำคัญว่าราคาอาจฟื้นตัวได้หรือไม่

ต้นเหตุของการปรับฐานเริ่มจากการที่ราคาหลุดจุดต่ำสุดที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ซึ่งเป็นระดับที่เคยเผชิญ *แรงขาย* หนักในอดีตและกำลังกลายเป็นฐานของการดีดตัวขึ้นอีกครั้ง นักวิเคราะห์จาก Band Finance อย่างมิคาเอล ฟาน เดอ โพเป(Michaël van de Poppe) วิเคราะห์ว่า หากบิตคอยน์สามารถดูดซับแรงขายของวันนั้นได้อีกครั้ง จะมีโอกาสยืนยันการสร้างฐานราคาใหม่

ราคาบิตคอยน์ในเวลานี้อยู่ที่ช่วง 99,000 ถึง 104,500 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ 126,080 ดอลลาร์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนก่อน ฟาน เดอ โพเปเน้นว่า การจะพูดถึงแนวโน้มทำ *จุดสูงสุดใหม่* จำเป็นต้องเห็นการฟื้นตัวกลับขึ้นไปอย่างน้อยที่ระดับ 112,000 ดอลลาร์ก่อน

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่มองแง่ลบต่อสถานการณ์นี้ อาลี มาร์ติเนซ(Ali Martinez) นักวิเคราะห์อีกคนหนึ่งเชื่อว่า บิตคอยน์มีโอกาสดีดกลับขึ้นไปแตะระดับ 106,500 ดอลลาร์ หรืออาจไปถึง 112,000 ดอลลาร์อีกครั้ง โดยให้เหตุผลว่าราคาทั้งสองระดับนี้เคยทำหน้าที่เป็นแนวรับที่แข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้า

มาร์ติเนซยังเสนอ 2 *กรณีศึกษา* สำหรับการเคลื่อนไหวระยะสั้นของบิตคอยน์ ได้แก่ การฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว หรือการปรับลงระยะสั้นแล้วดีดตัวกลับ ซึ่งทั้งสองกรณีตั้งเป้าราคาไว้ที่ 106,500 ดอลลาร์เป็นด่านแรกเหมือนกัน

ในอีกมุมหนึ่ง เทรดเดอร์ที่ใช้ชื่อว่า CryptoBull_360 มองว่า บิตคอยน์เพิ่งทะลุรูปแบบ ‘ลิ่มขาขึ้น’ (rising wedge) ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น พร้อมให้ข้อมูลว่าราคายังยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน ซึ่งถือเป็นแนวรับทางเทคนิคสำคัญ อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่าหากราคาหลุดต่ำกว่าเส้นดังกล่าวอาจเกิด *แรงขายต่อเนื่อง*

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์บางส่วนยังเตือนถึงความเสี่ยงจากวิกฤติสภาพคล่องที่อาจเกิดขึ้นอีก เท็ด(Ted) นักวิเคราะห์อิสระกล่าวว่า มีความเคลื่อนไหวของสภาพคล่องในช่วงราคา 90,000 และ 126,000 ดอลลาร์ ซึ่งอาจมีผลต่อการปรับฐานเพิ่มเติม โดยมีความเป็นไปได้ว่าราคาจะลงไปเพื่อ *ปิดช่องว่างราคา* ในตลาดซื้อขายล่วงหน้า Chicago Mercantile Exchange (CME)

เขายังชี้อีกว่า ปัจจุบันตลาดออปชันเคลื่อนไหวอย่างจำกัด สะท้อนถึงความไม่แน่นอนที่ทำให้นักลงทุนยัง *ไม่กล้าเข้าซื้อแรง* ข้อมูลจากรายงานตลาดเผยว่า แม้มีแรงซื้อเข้ามาบ้าง แต่ยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ที่สำคัญกระแสของ *การถือครองสินทรัพย์ด้วยตัวเอง* หรือ Self-custody กำลังเติบโต แต่ก็ยังไม่สามารถดึงดูดปริมาณการซื้อขายได้อย่างเพียงพอ

หนึ่งในกรณีที่น่าสนใจคือบริษัทชิปสื่อสารอย่าง ซีกัง คอมมิวนิเคชันส์ ขายบิตคอยน์จำนวน 970 เหรียญ ซึ่งช่วยลดหนี้จาก 189 ล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 94.5 ล้านดอลลาร์ หรือราวครึ่งหนึ่ง

นอกจากนี้ กระเป๋าบิตคอยน์ของวาฬรายใหญ่ยังโอนสกุลเงินดิจิทัลออกไปเป็นมูลค่ารวมกว่า 272 ล้านดอลลาร์ กลายเป็นอีกหนึ่ง *สัญญาณขาย* ที่กดดันตลาดต่อเนื่อง ในสถานการณ์เช่นนี้ หากราคาหลุดแนวรับปัจจุบัน อาจนำไปสู่การปรับตัวลงเพิ่มอีกขั้น

โดยสรุปแล้ว จุดสำคัญที่สุดที่จะกลับมายืนยันแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว คือการฟื้นตัวขึ้นเหนือระดับ 112,000 ดอลลาร์ จนกว่าจะเกิดสัญญาณนั้น ตลาดจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบที่ไม่แน่นอน และอยู่ภายใต้แรงกดดันจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอกตลาดคริปโตต่อไป