ริปเปิล(XRP) ส่งสัญญาณฟื้นตัวแรง หลังเปิดตัว ETF สปอตในสหรัฐ คาดราคาพุ่งแตะ 5 ดอลลาร์ปลายปี

ริปเปิล(XRP) กำลังเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง หลังจากปรากฏสัญญาณ ‘รูปแบบเทคนิคใหม่’ ที่สนับสนุนการฟื้นตัวของราคา โดยปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ระดับประมาณ 2.50 ดอลลาร์ หรือราว 3,250 บาท การเปิดตัวกองทุน ETF ที่ลงทุนใน XRP แบบสปอตรายแรกในตลาดหุ้นแนสแด็กของสหรัฐ ก็กลายเป็นปัจจัยกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนเพิ่มเติม

เมื่อวันที่ 13 (เวลาท้องถิ่น) ริปเปิลปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% จากวันก่อนหน้า และพุ่งขึ้นแล้ว 9% หากเทียบกับสัปดาห์ก่อน แม้ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาจะเคยหลุดแนวรับของรูปแบบสามเหลี่ยมหัวกลับที่ 2.70 ดอลลาร์ และร่วงลงสู่ระดับ 2.00–2.20 ดอลลาร์ แต่ขณะนี้ XRP ได้กลับมา ‘สร้างฐานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง’ ผ่านรูปแบบสามเหลี่ยมขาขึ้น ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าจะเข้าสู่ ‘แนวโน้มขาขึ้นระยะกลางถึงยาว’

นักเทรดรายหนึ่งในชื่อ ChartNerd แสดงความคิดเห็นว่า XRP ขณะนี้กำลังเคลื่อนไหวใกล้แนวต้านเดิมที่ 2.70 ดอลลาร์ และหากสามารถรักษารูปแบบนี้ไว้ได้จนถึงเดือนธันวาคม ก็อาจมีโอกาส ‘ทะลุแนวต้าน’ และดีดตัวต่อได้ เขายังเสริมว่า รูปแบบ "ถ้วยและหูจับ" (Cup and Handle) ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ต้นปี ยังคงมีผล และมีแนวโน้มที่ราคา XRP อาจพุ่งถึงระดับสูงสุดที่ 5.00 ดอลลาร์ หรือราว 6,500 บาทภายในสิ้นปีนี้

ด้านนักวิเคราะห์ อาลี มาร์ติเนซ(Ali Martinez) มองว่า XRP ยังคงแกว่งตัวอยู่ในแนวโน้มขาลงระยะสั้น โดยอิงจากกราฟราย 4 ชั่วโมง เขาระบุว่าแนวรับที่สำคัญอยู่ที่ระดับ 2.00 ดอลลาร์ และหากราคาหลุดต่ำกว่า 2.30 ดอลลาร์ในระยะใกล้ ก็มีแนวโน้มจะทดสอบระดับราคาใหม่ที่ต่ำลงอีก

นักวิเคราะห์สายเทคนิคอีกคนที่ใช้ชื่อว่า CRYPTOWZRD ก็ชี้ให้เห็นว่า สัดส่วนการครองตลาด (Dominance) ของ XRP เริ่มกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง โดยได้ทะลุค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะ 50 วัน ส่งสัญญาณลักษณะเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในช่วงต้นปี ซึ่งนำไปสู่ราคาพุ่งแรง อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่ายังต้องติดตามว่าการฟื้นตัวนี้จะยังคง ‘ยั่งยืน’ หรือไม่

ในขณะเดียวกัน XRP ยังได้รับแรงสนับสนุนจากข่าวการเปิดตัว ‘กองทุน ETF แบบสปอต’ ที่จดทะเบียนในตลาดแนสแด็ก ซึ่งถือเป็น ETF XRP ตัวแรกที่ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐ และมีสัดส่วนการลงทุนใน XRP ถึง 100% โดยตรง นักลงทุนจำนวนมากมองว่า ETF นี้ จะกลายเป็น ‘ปัจจัยเร่ง’ ให้เกิดกระแสทุนไหลเข้าจากนักลงทุนสถาบัน อย่างไรก็ตาม ก็มีสัญญาณการเทขายจากผู้ถือครองรายใหญ่บางราย ซึ่งอาจส่งผลต่อความผันผวนของราคาระยะสั้น ขึ้นอยู่กับสมดุลระหว่างอุปสงค์จาก ETF และอุปทานในตลาด

ทั้งนี้ XRP ส่งสัญญาณเชิงบวกทั้งในแง่ของ ‘เทคนิค’ และ ‘ปัจจัยพื้นฐาน’ ซึ่งทำให้เดือนธันวาคมอาจกลายเป็นช่วงเวลาสำคัญของการฟื้นตัว แต่ในทางกลับกัน หากระดับแนวรับไม่สามารถยืนไหว อาจเห็นการปรับฐานกลับมายังเขต 2.00 ดอลลาร์ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน