บิตคอยน์(BTC) ขุดแล้ว 95% สะท้อนสถานะ ‘ทรัพย์สินดิจิทัลหายาก’ ท่ามกลางเงินเฟ้อโลก

บิตคอยน์(BTC) แตะระดับสำคัญด้วยการมี ‘การหมุนเวียนในระบบแล้วกว่า 95%’ จากจำนวนทั้งหมดที่สามารถขุดได้ โดยตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นว่าจำกัดของอุปทานใกล้จะสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2009 ซึ่งเป็นวันที่ ซาโตชิ นากาโมโตะ ได้ขุด "บล็อกต้นกำเนิด" หรือ Genesis Block เป็นครั้งแรก และเริ่มต้นการเดินทางของบิตคอยน์ด้วยการกำหนดจำนวนเหรียญสูงสุดไว้ที่ 21 ล้านเหรียญ ปัจจุบัน มีการขุดแล้วเกือบ 19.95 ล้านเหรียญ เหลือเพียงประมาณ 2.05 ล้านเหรียญเท่านั้นในระบบ

ตัวเลขนี้มีนัยสำคัญในเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจของสกุลเงินดิจิทัล โดย โทมัส ปูฟูโม หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกระดานเทรดชื่อดังอย่าง คราเคน กล่าวกับ Cointelegraph ว่า “ขณะนี้ บิตคอยน์มีอัตราการเติบโตของอุปทานต่อปีอยู่ที่ราว 0.8% เท่านั้น” พร้อมเน้นว่าคุณสมบัติความเป็น ‘เงินแข็งค่า’ หรือ hard money ต้องมี ‘เรื่องเล่าที่เชื่อถือได้’ ในการปักหลักเป็นแหล่งเก็บมูลค่า

โครงสร้างการลดรางวัลการขุดของบิตคอยน์ หรือที่รู้จักกันว่า ‘การลดลงครึ่งหนึ่ง’ (halving) ทุกสี่ปี คือหนึ่งในกลไกสำคัญที่ทำให้เกิดความ *หายาก* ในซัพพลาย ซึ่งเป็นปัจจัยผลักดันราคาตามหลักความต้องการและอุปทาน ความเข้มงวดของกลไกนี้ได้กลายเป็นโครงหลักที่หนุนการประเมินมูลค่าแบบระยะยาวของบิตคอยน์มาโดยตลอด

การที่บิตคอยน์ขุดออกมาแล้วถึง 95% ไม่ใช่แค่เพียงการขยับตัวเลขธรรมดา แต่ยังเป็น ‘สัญลักษณ์’ ของการเคลื่อนตัวสู่สินทรัพย์ดิจิทัลหายากที่แท้จริง ยิ่งจำนวนบิตคอยน์ที่เหลืออยู่เพื่อขุดน้อยลง ความคาดหวังในด้านความ *หายากระยะยาว* ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญกับความกังวลด้านเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม "ความคิดเห็น" การที่บิตคอยน์มีอุปทานลดลง ไม่ได้หมายความว่าราคาจะพุ่งขึ้นเสมอไป เนื่องจากแนวโน้มของราคาบิตคอยน์ยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งด้านอุปสงค์-อุปทาน กฎระเบียบ การยอมรับจากภาคธุรกิจ และความเชื่อมั่นของตลาด แต่ถึงกระนั้น การบรรลุระดับ 95% ก็ยังถูกมองว่าเป็นหลักฐานเด่นชัดที่แสดงให้เห็นว่าบิตคอยน์กำลังเข้ามามีบทบาทในฐานะ *ทรัพย์สินดิจิทัลหายาก* อย่างมั่นคงในยุคใหม่