รายงาน CoinEasy ชี้คริปโตเปลี่ยนโฉมการเงินโลก หนุนเสรีภาพทางการเงินเหนือระบบธนาคารดั้งเดิม

ผลสำรวจล่าสุดจากโคอินอีซี่(CoinEasy) ชี้ให้เห็นถึงความไม่เป็นธรรมและการกีดกันที่ฝังลึกอยู่ในระบบการเงินแบบดั้งเดิมทั่วโลก ซึ่งกำลังจุดประกายให้เกิดการทบทวนใหม่เกี่ยวกับ *อธิปไตยทางการเงิน* ของแต่ละบุคคล โดยแนวโน้มนี้สอดคล้องกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของระบบนิเวศคริปโต ที่กำลังเปลี่ยนศูนย์กลางของการเงินจาก ‘องค์กรกลาง’ สู่อำนาจในมือผู้ใช้อย่างชัดเจน

แม้ระบบการเงินปัจจุบันดูมั่นคงและมีประวัติการได้รับความไว้วางใจยาวนานหลายร้อยปี แต่ในทางปฏิบัติกลับเต็มไปด้วยความไม่มีประสิทธิภาพ ค่าธรรมเนียมสูง การโอนเงินล่าช้า และโครงสร้างที่ปิดซึ่งเอื้อให้คนรวย 1% ได้เปรียบ ในขณะที่คนส่วนใหญ่กลับถูกกันออกไปจากโอกาสทางเศรษฐกิจ โคอินอีซี่ระบุว่า สถานการณ์นี้เป็นเหมือน ‘การบีบบังคับทางการเงินที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยคำว่า ความปลอดภัย’

หลายประเทศกำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อเรื้อรังและการสั่นคลอนของค่าเงิน ไม่ว่าจะเป็นใน *ซิมบับเว อาร์เจนตินา หรือ ตุรกี* ซึ่งทำให้ประชาชนหันมาให้ความสนใจกับคริปโตในฐานะทางเลือกเพื่อปกป้องสินทรัพย์ของตน บิตคอยน์(BTC) จึงมีบทบาทมากกว่าแค่การลงทุน แต่เป็นตัวแทนของ *เสรีภาพทางการเงิน* ที่ไม่ถูกผูกมัดกับพรมแดนหรือนโยบายของรัฐ

บิตคอยน์สามารถโอนข้ามประเทศได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านธนาคาร และเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในระบบอย่างเท่าเทียม นี่จึงเป็น ‘หนทางหลีกเลี่ยงความไม่เป็นธรรมในระบบธนาคารดั้งเดิม’ ที่โคอินอีซี่กล่าวถึงในรายงานครั้งนี้ พร้อมเสริมว่า จุดเด่นเหล่านี้อาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางของระบบการเงินในอนาคต

บริการที่ธนาคารแบบดั้งเดิมให้ลูกค้าดูเหมือนจะยึดหลักความไว้วางใจและความมั่นคง แต่กระบวนการใช้งานจริงกลับไม่ตอบโจทย์ ยกตัวอย่าง ผู้กู้บ้านยังต้องรอผลอนุมัตินานเฉลี่ย 120 วัน พร้อมภาระค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ซึ่งมักกลายเป็นอุปสรรคใหญ่จนทำให้คนจำนวนไม่น้อยต้องล้มเลิก กระบวนการที่ซับซ้อนนี้ *สะท้อนชัดถึงความเหลื่อมล้ำที่ฝังรากลึกในระบบธนาคาร* และกลายเป็นผลประโยชน์กลับมาสู่สถาบันการเงินเอง

ในทางกลับกัน คริปโตเคอร์เรนซีพยายามสร้างระเบียบการเงินใหม่ที่มี *ความเปิดกว้าง โปร่งใส ไม่ผูกติดกับพรมแดน และสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ* ทุกธุรกรรมถูกบันทึกบนบล็อกเชนอย่างเปิดเผย และสามารถใช้งาน smart contract ในการดำเนินธุรกรรมที่ซับซ้อนโดยไม่ต้องมีคนกลาง โคอินอีซี่เน้นว่า อัตราการยอมรับคริปโตปัจจุบันเติบโตเร็วยิ่งกว่ายุคเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ตเสียอีก ซึ่งแสดงถึงการเปลี่ยนผ่านระดับรากฐาน ไม่ใช่แค่เพียงนวัตกรรม

*ความเป็นผู้นำทางการเงินในยุคหน้าไม่ได้อยู่ที่สถาบันขนาดใหญ่ แต่จะขึ้นอยู่กับเครือข่ายที่กระจายอำนาจซึ่งขับเคลื่อนโดยปัจเจกชน* แม้คริปโตมีระยะเวลาเพียง 15 ปี แต่ก็อาจถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีไม่กี่อย่างที่สั่นสะเทือนเสาหลักของระบบการเงินเก่า คาดว่าไตรมาสที่ 4 ของปี 2025 อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งของอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งจะนำพา ‘คนธรรมดาที่มีเพียงอินเทอร์เน็ตและโน้ตบุ๊ก’ เข้ามาเป็นศูนย์กลางใหม่ของการเงินโลกอย่างแท้จริง ความเปลี่ยนแปลงได้เริ่มต้นแล้ว และไม่มีทีท่าว่าจะถอยหลังกลับไปอีก