ตลาดคริปโตสหรัฐฯ เปลี่ยนโฉม! ETF อัลต์คอยน์บูม-กฎเกณฑ์ชัดเจน หนุนสถาบันเข้าลงทุน

แม้ราคาบิตคอยน์(BTC)จะร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา แต่รายงานล่าสุดจากแพลตฟอร์มวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลกอย่าง Exilist ชี้ให้เห็นว่า การเข้าสู่ระบบการเงินแบบดั้งเดิมของสินทรัพย์คริปโตกำลังเร่งตัวขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่เห็นการขยายตัวของการอนุมัติ ETF และการกำหนดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตในเชิง ‘โครงสร้าง’ ของตลาดคริปโตมากกว่าการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้น

เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2025 ราคาบิตคอยน์ทะยานแตะระดับ 80,000 ดอลลาร์ ก่อนร่วงลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มูลค่าตลาดของคริปโตหายไปราว 1 ล้านล้านดอลลาร์ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนสั่นคลอน และคำว่า ‘คริปโตวินเทอร์’ ถูกกล่าวถึงอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความผันผวนในด้านราคา กระบวนการด้านกฎระเบียบในตลาดสหรัฐฯ กลับมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเปิดตัว ETF ที่อ้างอิงหลายสินทรัพย์ดิจิทัล

ตามการวิเคราะห์ของ Exilist ในช่วงเวลาดังกล่าว บริษัทจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลจากสวิตเซอร์แลนด์อย่าง 21Shares ได้เปิดตัว ETF สองรายการ ได้แก่ TTOP และ TXBC ในตลาดสหรัฐฯ โดยเป็น ETF กลุ่มแรกที่อยู่ภายใต้กฎหมายการลงทุนปี 1940 ซึ่งผ่านการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ(SEC) แตกต่างจาก ETF ส่วนใหญ่ในอดีตที่ใช้โครงสร้างภายใต้กฎหมายปี 1933 ที่มีความยืดหยุ่นด้านกฎระเบียบมากกว่า

ETF เหล่านี้กลายเป็นต้นแบบของโครงสร้างใหม่ที่ SEC ยอมรับอย่างเป็นทางการ ซึ่งเปิดประตูให้กับบริษัทจัดการสินทรัพย์ขนาดใหญ่อย่างแบล็คร็อกและฟิเดลิตี มีแนวโน้มออกผลิตภัณฑ์ลักษณะเดียวกันในอนาคต โครงสร้างแบบดัชนียังเหมาะกับอัลต์คอยน์มากกว่าผลิตภัณฑ์ที่เน้นเหรียญเดียว เพราะลดความเสี่ยงด้านกฎหมายและความผันผวนของราคาได้มากกว่า

ในด้านกฎหมาย สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยเฉพาะคณะกรรมาธิการเกษตรวุฒิสภา กำลังหารือร่างกฎหมายที่วางให้สำนักงานคณะกรรมการซื้อขายสัญญาล่วงหน้า(CFTC) มีอำนาจดูแลการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล นอกจากนี้ SEC ยังเริ่มแสดงท่าทีที่ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยผ่านโครงการ Project Crypto ที่ระบุว่าส่วนใหญ่ของโทเคน “ไม่ถือว่าเป็นหลักทรัพย์ในตัวเอง” ไม่เพียงเท่านั้น SEC ยังพิจารณายกเว้นข้อกำหนดด้านการเปิดเผยข้อมูลสำหรับโครงการบางประเภท และในแผนการตรวจสอบประจำปี 2026 ยังไม่รวมคริปโตไว้ในเป้าหมายหลักซึ่งสะท้อนการเปลี่ยนแปลงในมุมมองความเสี่ยงของหน่วยงาน

ในขณะเดียวกันหน่วยงานควบคุมธนาคารสหรัฐอย่างสำนักงานตรวจสอบเงินตรา(OCC) ก็เริ่มผ่อนคลายจุดยืน โดยอนุญาตให้ธนาคารในประเทศถือครองคริปโตได้ในระดับที่จำกัด เพื่อวัตถุประสงค์ด้านเทคนิค เช่น ค่าธรรมเนียมบล็อกเชน แม้ไม่ได้เปิดทางให้นำไปลงทุนโดยตรง แต่ถือเป็นสัญญาณสำคัญว่าธนาคารเริ่มมีช่องทางเข้าใกล้ระบบนิเวศของอัลต์คอยน์มากขึ้น

นอกจากนี้ ETF ที่มีอัลต์คอยน์เป็นสินทรัพย์อ้างอิงก็เริ่มมีบทบาทมากขึ้นในตลาดสหรัฐฯ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือการเปิดตัว Canary XRP ETF (XRPC) ในตลาด Nasdaq เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2025 ที่สามารถดึงดูดเงินทุนมูลค่ากว่า 250 ล้านดอลลาร์ในการซื้อขายวันแรก ขณะที่บริษัทอื่นๆ อย่าง Bitwise, ฟรังคลิน เทมเพิลตัน, และ 21Shares ต่างเข้าร่วมแข่งขันปล่อย XRP ETF ตามมา

สำหรับเหรียญอย่างโซลานา(SOL) ตลาดก็มีความคึกคักไม่แพ้กัน โดย Bitwise เปิดตัว ETF ชื่อ BSOL ส่วนฟิเดลิตีออก FSOL ซึ่งทั้งสองกลายเป็นคู่แข่งโดยตรงในตลาด ETF แบบอัลต์คอยน์ การเคลื่อนไหวนี้มีแรงหนุนจาก SEC ที่ปรับปรุงกฎระเบียบให้มีความยืดหยุ่นขึ้น จึงสะท้อนแนวโน้มของตลาด ETF ที่กำลังเปลี่ยนจากการเน้นเฉพาะ BTC และ ETH ไปสู่โครงสร้างที่หลากหลายมากขึ้น

Exilist สรุปว่า ความคืบหน้าเหล่านี้คือ “สัญญาณเริ่มต้นของโครงสร้างใหม่” ที่จะส่งผลให้คริปโต โดยเฉพาะอัลต์คอยน์ เริ่มเปลี่ยนภาพจากแค่สินทรัพย์เสี่ยงสูง ไปสู่บทบาทใหม่ในฐานะ ‘สินทรัพย์ในพอร์ตของสถาบัน’ และหากผู้เล่นระดับบิ๊กยักษ์จากวอลล์สตรีทเข้าร่วมอย่างเป็นทางการ อัลต์คอยน์ก็มีแนวโน้มจะกลายเป็นองค์ประกอบถาวรในกลยุทธ์การลงทุนของโลกการเงินแนวดั้งเดิม

*ความคิดเห็น*: ท่ามกลางภาวะตลาดที่ไม่แน่นอน ความชัดเจนของกฎเกณฑ์และนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์การลงทุนแบบนี้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของวัฏจักรใหม่ในโลกคริปโต โดยเฉพาะสำหรับอัลต์คอยน์ที่เริ่มได้รับการยอมรับในระดับสถาบันอย่างแท้จริง