เฮลิอุม(Helium) เผยรายได้ Q3/2025 พุ่ง 18.3 ล้านดอลลาร์ หลังใช้โมเดลเผา HNT เต็มรูปแบบ

เฮลิอุม(Helium) เผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2025 แข็งแกร่งทั้งด้านการใช้งานและรายได้ โดย *เมซซารี รีเสิร์ช(Messari Research)* รายงานว่า หลังจากเฮลิอุมเปลี่ยนแนวทางให้รายได้ 100% จากการสมัครสมาชิก Helium Mobile ถูกใช้ *เผาโทเคน HNT* ทั้งหมด รายได้แบบระบบเผาหนึ่งปีแตะระดับ 18.3 ล้านดอลลาร์ แสดงให้เห็นว่า *โมเดลโทเคนอีโคโนมิคส์* ของเฮลิอุมสามารถใช้งานได้จริง

การใช้งานเครือข่ายก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยในช่วงเวลาเดียวกัน มีการเผา *ดาต้าเครดิต(DC)* เฉลี่ยรายวันที่ 30,920 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 196.6% จากไตรมาสก่อนหน้าสะท้อนถึงความต้องการใช้งานเครือข่ายที่พุ่งสูง ขณะที่ปริมาณข้อมูลแบบชำระเงินเพิ่มขึ้น 54.1% รวมทะลุ 8,505 TB ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพันธมิตรหลัก เช่น AT&T, โมวิสตาร์ของเทเลโฟนิกาในเม็กซิโก และ T-Mobile เริ่มใช้ระบบ *Carrier Offload* อย่างจริงจัง

จำนวนสถานีฐานหรือ *“ฮอตสปอต”* เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสนี้ Helium Mobile มีจำนวนฮอตสปอตรวม 115,750 จุด เพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาสก่อน ขณะที่ฮอตสปอตของ IoT อยู่ที่ 42,640 จุด เป็นสัญญาณว่าเฮลิอุมกำลังเติบโตไปสู่ *ระบบไร้สายแบบไฮบริด*

จำนวนผู้ใช้งานก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ณ สิ้นไตรมาส 3 ผู้สมัคร Helium Mobile มีจำนวน 461,500 ราย หรือเพิ่มขึ้น 48.3% จากไตรมาสก่อนหน้า และจำนวนผู้ใช้งานเฉลี่ยต่อวันสูงถึง 1.2 ล้านราย ซึ่ง *ความคิดเห็น* ของเมซซารี ระบุว่าการเพิ่มขึ้นนี้เกิดจากการขยายตัวของ Carrier Offload รวมถึงข้อเสนอด้านราคาที่ถูกกว่าผู้ให้บริการเครือข่ายเดิม และสิทธิพิเศษจากระบบ Cloud Point ของเฮลิอุม

ด้านโทเคนโนมิกส์ เฮลิอุมปรับเปลี่ยนระบบจ่ายรางวัลจากเดิมที่อิงจาก 'Proof-of-Coverage' ไปเป็นระบบใหม่ที่วัดจาก *ปริมาณการใช้งานข้อมูลจริง* ตามข้อเสนอ HIP-147 ซึ่งจะทำให้สูงสุด 60% ของโทเคน HNT ที่ถูกปล่อยออกมาจะถูกจัดสรรตามการใช้งานจริง เพิ่มความยุติธรรมสำหรับผู้ร่วมระบบ พร้อมกันนี้ เฮลิอุมยังเปิดเผยว่าทีมผู้ก่อตั้งได้ซื้อคืนโทเคนจำนวน 5.7 ล้าน HNT จากนักลงทุนรายแรกผ่าน Coinbase เพื่อส่งเสริม *ความโปร่งใส* และคุณภาพของโครงสร้างรายได้แบบออฟเชน

ในด้านเทคนิค เฮลิอุมเปิดตัว *Helium Plus* เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2025 ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ WiFi และภาคธุรกิจทั่วไปสามารถเปลี่ยนอุปกรณ์เราเตอร์เดิมให้กลายเป็นสถานีฐานใหม่ ช่วยลดอุปสรรคในการเข้าร่วมเครือข่าย อีกทั้งยังรองรับกับอุปกรณ์จากหลายแบรนด์ เช่น ยูนิไฟ, ซิสโก เมราไก, อารูบา, และรัคคัส ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการขยายตัวของระบบนิเวศ

เฮลิอุมยังขยายกิจการข้ามพรมแดนอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับ *ลองไฟ(LongFi)* และสานต่อความร่วมมือกับ *โมวิสตาร์ เม็กซิโก* ของเทเลโฟนิกา เพื่อขยายเครือข่ายในพื้นที่ห่างไกล เช่น โออาซากา ประเทศเม็กซิโก เมซซารีมองว่ากลยุทธ์นี้เป็นการรับมือกับความต้องการเครือข่ายระดับโลกที่กำลังจะเกิดขึ้น

สิ่งเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า เฮลิอุมไม่ได้เป็นเพียงปรากฏการณ์ชั่วคราวของตลาดหรือโครงการทดลอง แต่กำลังก้าวขึ้นเป็น *เครือข่ายสื่อสารทางเลือกที่ใช้งานได้จริงบนระบบไร้ศูนย์กลาง* โดยโมเดล ‘เผารายได้ 100%’ สร้างกลไกการรักษาและเพิ่มมูลค่าโทเคนที่สอดคล้องกับความต้องการใช้งานจริง เมซซารีสรุปว่าเฮลิอุมมีแนวโน้มจะกลายเป็น *ต้นแบบของระบบสื่อสาร, การเงินแบบกระจายศูนย์ และระบบ IoT* ที่ยั่งยืนและขยายตัวได้อย่างแท้จริง