ผู้ร่วมก่อตั้ง Aztec Labs เตือน: บล็อกเชนอาจสูญเสียจิตวิญญาณหากเดินตามสถาบันการเงินมากเกินไป

เทคโนโลยีบล็อกเชนกำลังยืนอยู่บนทางแยกระหว่างระบบการเงินแบบดั้งเดิมกับจิตวิญญาณของการกระจายอำนาจ ท่ามกลางความต้องการจากสถาบันการเงินที่กำลังพุ่งสูงขึ้น มีความกังวลว่าทิศทางของอุตสาหกรรมอาจห่างไกลจากปรัชญาการกระจายศูนย์กลางที่เป็นรากฐานดั้งเดิม

จากข้อมูลเมื่อวันที่ 24 ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทอัซเทคแล็บส์(Aztec Labs) แซ็ก วิลเลียมสัน(Zac Williamson) แสดงความเห็นว่า บล็อกเชนอาจตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะกลายเป็นเพียงโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าวีซ่า(Visa)หรือมาสเตอร์การ์ด(MasterCard) เพียงเล็กน้อยหากละเลยบทบาทด้านการ *‘ประสานงานทางสังคม’* ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเทคโนโลยีนี้ พร้อมชี้ว่า หากสูญเสียคุณค่านี้ เทคโนโลยีบล็อกเชนอาจไร้ความหมาย

วิลเลียมสันเป็นอดีตนักฟิสิกส์ในสาขาฟิสิกส์อนุภาค ก่อนจะเข้าสู่วงการบล็อกเชนในปี 2017 ผ่านข้อเสนอพัฒนาในบริษัทเกิดใหม่ เขาเชี่ยวชาญด้านการเข้ารหัสข้อมูล โดยเฉพาะเทคโนโลยี *‘การพิสูจน์แบบไร้ความรู้’* หรือที่รู้จักกันในชื่อ *‘Zero-Knowledge Proof(ZKP)’* และร่วมก่อตั้ง อัซเทคแล็บส์ ซึ่งพัฒนาระบบเลเยอร์2 ของอีเธอเรียม(ETH) ที่ให้ความสำคัญกับการปกป้องความเป็นส่วนตัว

เขากล่าวว่า แม้บล็อกเชนจะถูกออกแบบมาเพื่อเป็นทางเลือกแทนระบบการเงินดั้งเดิม แต่ตอนนี้กลับถูกขับเคลื่อนด้วยการยอมรับจากสถาบัน และสถานการณ์นี้กำลัง *“ลบเลือนเป้าหมายดั้งเดิมของบล็อกเชนออกไป”* พร้อมระบุว่า ปัญหาของการกำกับดูแลแบบกระจายอำนาจที่ล้มเหลว คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้บล็อกเชนเริ่มสูญเสียบทบาทในการ *‘ประสานความร่วมมือของสังคม’*

ด้านองค์กรใหญ่อย่างริปเปิล(XRP) ได้เร่งขยายสู่ตลาดสถาบัน โดยการเข้าซื้อกิจการ *พาลิเซด(Palisade)* เพื่อแผ่ขยายอิทธิพลในตลาดการเงินแบบดั้งเดิม ยิ่งตอกย้ำว่าอุตสาหกรรมกำลังเคลื่อนเข้าสู่การรวมกับภาคการเงินกระแสหลัก

ในช่วงเวลานี้ ประเด็นเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมทางสังคมและความร่วมมือของผู้คน ถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง มีคำถามว่า บล็อกเชนควรเดินหน้าเพียงเพื่อ ‘เพิ่มประสิทธิภาพ’ อย่างเดียว หรือควรกลายเป็น ‘เทคโนโลยีเพื่อสังคม’ ที่เน้นชุมชนเป็นศูนย์กลาง

‘ความคิดเห็น’: หากบล็อกเชนยังคงเติบโตโดยมุ่งสู่ทิศทางขององค์กรแบบรวมศูนย์เพียงอย่างเดียว อาจทำให้จิตวิญญาณของเทคโนโลยีนี้ที่ยึดถือการเข้าถึงที่เท่าเทียม เสรีภาพ และการควบคุมจากชุมชน ค่อย ๆ เลือนหายไป การใช้เทคโนโลยีอย่าง Zero-Knowledge Proof ที่มุ่งปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล จึงมีบทบาทสำคัญในการรักษาเป้าหมายดั้งเดิมของบล็อกเชนให้คงอยู่ต่อไป

ในขณะที่อุตสาหกรรมกำลังพิจารณาทิศทางอนาคต ไม่ว่าจะเดินหน้าควบคู่กับสถาบันหรือรักษาจิตวิญญาณแบบกระจายอำนาจ บล็อกเชนยังคงต้องเผชิญกับคำถามพื้นฐานที่ว่า *“เรากำลังสร้างเทคโนโลยีเพื่อใคร และเพื่ออะไร”*