แลปวิจัยความปลอดภัยใต้สังกัดของไบบิต(Bybit) เผยผลวิจัยล่าสุดว่า มีเครือข่ายบล็อกเชนอย่างน้อย 16 แห่งที่สามารถจำกัดหรือ *แช่แข็ง* เงินของผู้ใช้ได้ในระดับของ *โปรโตคอล* ซึ่งเป็นประเด็นที่กระทบต่อภาพลักษณ์ด้าน *ความโปร่งใส* และ *การกระจายศูนย์* ที่อุตสาหกรรมคริปโตมักยึดถือเป็นแกนหลัก
จากรายงานที่ออกเผยแพร่เมื่อวันที่ 25 โดยแลป ลาซารัส ซีเคียวริตี้ ของไบบิต ระบุว่า หลังจากวิเคราะห์เครือข่ายบล็อกเชนรวม 166 ระบบ พบว่าหลายโครงการมีการฝังฟังก์ชันสำหรับ *แช่แข็งสินทรัพย์* ไว้ตั้งแต่แรก หรือสามารถนำมาใช้ได้อย่างง่ายดายผ่านการอัปเดตซอฟต์แวร์ในภายหลัง โดยหนึ่งในนั้นคือ *บีเอ็นบีเชน(BNB)* ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากไบแนนซ์(Binance)
รายงานระบุว่าการวิเคราะห์ในครั้งนี้ทำผ่านกระบวนการอัตโนมัติด้วย AI ร่วมกับการตรวจสอบแบบแมนนวล โดยพบว่า *คอสโมส(ATOM)* ก็อยู่ในกลุ่มผู้ต้องสงสัยอีก 19 รายที่สามารถเพิ่มฟังก์ชันการจำกัดการใช้งานผ่านการอัปเดตย่อยของโปรโตคอล ซึ่งอาจเปิดช่องให้เกิดการ *เซ็นเซอร์* การใช้งานในอนาคต
ลาซารัสอธิบายว่า วิธีการแช่แข็งสินทรัพย์แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบหลัก ได้แก่ ระบบ *บัญชีดำสาธารณะ* ที่ฝังอยู่ในตัวโปรโตคอล, การกำหนดบัญชีดำแบบลับผ่านไฟล์การตั้งค่า และการใช้ *สมาร์ตคอนแทรกต์แบบออนเชน* เพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ ทั้งหมดนี้สามารถสั่งการได้โดยไม่ต้องอาศัยอำนาจภายนอกหรือบุคคลที่สาม
จากข้อมูลดังกล่าว ทำให้เกิด *ข้อกังขาเกี่ยวกับความเป็นกระจายศูนย์* ของเครือข่ายที่เคยถูกมองว่า “ปลอดภัย” และเป็นกลาง โดยเฉพาะในหมู่นักลงทุนและนักพัฒนาที่อาจต้องหันกลับมาทบทวน *โครงสร้างของระบบ* ที่ใช้และประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากฟังก์ชันที่ซ่อนอยู่เหล่านี้อีกครั้ง
*ความคิดเห็น:* รายงานล่าสุดของไบบิตตอกย้ำว่าพื้นฐานของเทคโนโลยีบล็อกเชนยังคงมีจุดอ่อน หากผู้ออกแบบมีเจตนาแทรกแซง อินฟราสตรักเจอร์ที่ควรจะ “ไร้ศูนย์กลาง” จึงเสี่ยงที่จะกลายสภาพเป็นระบบรวมศูนย์ได้อย่างแนบเนียน
ความคิดเห็น 0