สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดจับมือคอยน์เบส(Coinbase) ขยายบริการคริปโตระดับสถาบันทั่วโลก

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดและบริษัทคริปโตชื่อดังอย่างคอยน์เบส(Coinbase) ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญในการขยายโครงสร้างพื้นฐานสินทรัพย์ดิจิทัลสำหรับนักลงทุนสถาบัน โดยทั้งสองฝ่ายมีแผนพัฒนาโซลูชันด้านการเทรด การเป็นนายหน้าหลัก (Prime Brokerage), การดูแลรักษาทรัพย์สิน (Custody), การสเตก (Staking) และบริการปล่อยกู้ร่วมกัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลระดับสถาบันที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

เมื่อวันที่ 24 ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดเปิดเผยผ่านแถลงการณ์ว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะเน้นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มี ‘ความปลอดภัย ความโปร่งใส และความสามารถในการทำงานร่วมกัน’ ตามมาตรฐานสูงสุด มาร์กาเร็ต ฮูด-โจนส์ ประธานฝ่ายบริการหลักทรัพย์และการเงินของสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด กล่าวว่า “เราจะพัฒนาโซลูชันที่สอดคล้องกับมาตรฐานด้านความปลอดภัยและข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแลในระดับสูงสุด”

จุดเด่นของความร่วมมือครั้งนี้อยู่ที่การผนวกความเชี่ยวชาญของสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดในด้านการเงินระหว่างประเทศและการคัสโตเดีย กับความเชี่ยวชาญด้านการดำเนินงานแพลตฟอร์มคริปโตของคอยน์เบส เพื่อมอบการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นให้กับลูกค้านักลงทุนสถาบัน

ความร่วมมือที่เกิดขึ้นยังต่อยอดจากความสัมพันธ์ที่มีอยู่แล้วในสิงคโปร์ โดยสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดได้ให้บริการระบบฝากถอนเงินดอลลาร์สิงคโปร์แบบเรียลไทม์แก่คอยน์เบสมาก่อน และมีแผนจะขยายบริการสู่ตลาดหลักระดับโลกในอนาคตอันใกล้

ก่อนหน้านี้ สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดยังจับมือกับเว็บไซต์ซื้อขายคริปโตชื่อดังคริปโตดอทคอม(Crypto.com) เปิดบริการฝากถอนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ยูโร และดีแรห์ม(UAE) ในกว่า 90 ประเทศทั่วโลก ซึ่งเป็นสัญญาณว่าธนาคารแบบดั้งเดิมเริ่มเร่งเข้าสู่โลกคริปโตผ่านการสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่ง

ในอีกด้านหนึ่ง คอยน์เบสเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ อาทิ ตลาดการคาดการณ์ (Prediction Markets) และหุ้นแบบโทเคน(Tokenized Stocks) ภายในสัปดาห์หน้า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนกลยุทธ์การเสริมความแข็งแกร่งในตลาดการเงินดิจิทัลสำหรับลูกค้าสถาบันอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน สำนักงานควบคุมสกุลเงินของสหรัฐ(OCC) ได้ออกประกาศให้การอนุมัติแบบมีเงื่อนไขสำหรับการแปลงสถานะเป็นธนาคารทรัสต์แห่งชาติแก่บริษัทคริปโต 5 แห่ง ได้แก่ บิทโก(BitGo), เซอร์เคิล(Circle) และ ริปเปิล(XRP) โดยมุ่งเน้นส่งเสริมการขยายตัวของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลสำหรับสถาบัน

*ความคิดเห็น: ความร่วมมือระหว่างสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมกับแพลตฟอร์มคริปโตในช่วงนี้ นับว่าเป็นก้าวสำคัญของการเข้าสู่ยุคโครงสร้างพื้นฐานสินทรัพย์ดิจิทัลครบวงจร โดยเฉพาะกลุ่มบริการ Prime Brokerage, Custody และ Tokenized Assets ที่คาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่นในปีถัดไป*