บิตคอยน์(BTC) ร่วงแรงกว่า 2,300 ดอลลาร์ใน 45 นาที เหตุ ETF แบล็คร็อกโอนเหรียญเข้าตลาด

ราคา ‘บิตคอยน์(BTC)’ ผันผวนอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดการ ‘ชำระบัญชี’ ครั้งใหญ่ทั่วทั้งตลาด ท่ามกลางข้อสงสัยถึง ‘การควบคุมราคา’ โดยกลุ่มสถาบัน นักลงทุนเริ่มจับตาความเคลื่อนไหวล่าสุดของกองทุน ETF บิตคอยน์ของแบล็คร็อก ว่าอาจเป็นตัวการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความผันผวนครั้งนี้

นักวิเคราะห์ NoLimit เปิดเผยผ่าน X ว่า กองทุน ETF ชื่อ IBIT ของแบล็คร็อกได้โอนบิตคอยน์มูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์เข้าสู่กระเป๋า Coinbase Prime โดยตรงก่อนช่วงตลาดหุ้นสหรัฐเปิด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พบพฤติกรรมลักษณะนี้บ่อยครั้งจากนักลงทุนสถาบันที่กำลังดึงสภาพคล่องหรือทำการขายสินทรัพย์

NoLimit ยังระบุเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว หากแต่ปรากฏซ้ำในช่วงเวลาที่ราคาลดลงอย่างมีนัยสำคัญ บ่งชี้ว่าเกิดการขายจริงเพื่อรองรับคำขอแลกซื้อคืนจากผู้ถือกองทุน ETF และหากปริมาณการขายมากในช่วงเวลาที่ตลาดมี ‘สภาพคล่องต่ำ’ ก็จะส่งผลกระทบรุนแรงกับราคา

จากข้อมูลของนักวิเคราะห์เทคนิค OxNobler ในช่วงเวลาเพียง 30 นาที มีบิตคอยน์มูลค่ารวมประมาณ 2.5 พันล้านดอลลาร์ (หรือราว 8.6 หมื่นล้านบาท) ถูกปล่อยขายผ่านแพลตฟอร์มใหญ่ เช่น ไบแนนซ์, คอยน์เบส, วินเทอร์มิวท์ และคราเคน โดยแบล็คร็อกเพียงรายเดียวถูกตรวจพบว่าขายไปถึง 4,945 BTC ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งนี้มากเกินกว่าขอบเขตของคำว่า ‘การขายเพื่อแลกคืน ETF’ และอาจถือเป็น ‘แรงสะเทือนตลาด’ อย่างมีนัย

ข้อมูลจาก Bull Theory ระบุว่า ภายในเวลาเพียง 45 นาที ราคาบิตคอยน์ดิ่งลงกว่า 2,300 ดอลลาร์ (ประมาณ 7.7 หมื่นบาท) และมีการชำระบัญชีตำแหน่ง Long มูลค่า 66 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.2 พันล้านบาท) ส่งผลให้มูลค่าตลาดรวมของสินทรัพย์คริปโตลดลงถึง 6 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 2 ล้านล้านบาท)

แม้ไม่มีข่าวลบสำคัญหรือมาตรการกำกับจากภาครัฐใด ๆ แต่ราคากลับร่วงลงพร้อมเกิดการชำระบัญชีจำนวนมาก สะท้อนถึง ‘จุดอ่อนเชิงโครงสร้าง’ ที่ยังคงอยู่ในตลาดคริปโต ขณะที่นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งเตือนว่า สำหรับนักลงทุนรายใหญ่ การ ‘เลือกเวลา’ เพื่อขายสามารถทำให้เกิดแรงกระแทกได้อย่างมีนัย แม้ไม่ได้มีเจตนาควบคุมตลาดโดยตรง แต่พฤติกรรมแบบนี้ในตลาดที่มี ‘สภาพคล่องต่ำ’ ก็เสี่ยงที่จะถูกมองว่าเป็นการ ‘ปั่นราคา’

ในขณะนี้ บิตคอยน์ซื้อขายอยู่ที่ระดับ 87,340 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.9 ล้านบาท) ซึ่งลดลงมากกว่า 30% เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

‘ความคิดเห็น’: เหตุการณ์ครั้งนี้ตอกย้ำข้อถกเถียงที่ยังค้างคาในวงการคริปโตว่า “ตลาดเสรีจริงหรือไม่” โดยเฉพาะในยุคที่สถาบันการเงินรายใหญ่กำลังเข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในนามของกองทุน ETF หรือโครงสร้างผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบอื่น นักลงทุนควรจับตาความเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์ รวมถึงศึกษาพฤติกรรมระยะยาวของกลุ่มสถาบัน เพื่อป้องกันความเสี่ยงจาก ‘ความผันผวนที่ไม่ปกติ’ ในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล