บริษัทยักษ์ใหญ่ในลาตินอเมริกากำลังหันมาถือครองบิตคอยน์(BTC) เป็นสินทรัพย์ทางการเงิน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของบริษัทในสหรัฐฯ ที่กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้บิตคอยน์เป็นทุนสำรองเชิงกลยุทธ์
ในขณะที่หลายบริษัทในสหรัฐฯ กำลังหารือเกี่ยวกับการเพิ่มคริปโตเข้าไปในงบดุล บริษัทชั้นนำในลาตินอเมริกา โดยเฉพาะในอาร์เจนตินาและบราซิล ได้เริ่มสะสมบิตคอยน์เป็นการจริงจังแล้ว ไม่เพียงแต่สร้างกำไรจากการลงทุน แต่ยังขยายบริการด้านคริปโตให้กับผู้ใช้ทั่วไปอีกด้วย
ตัวอย่างหนึ่งคือ ‘เมร์คาโด ลิเบร(Mercado Libre)’ บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของอาร์เจนตินา รวมถึงอีกสองบริษัทที่ถือครองบิตคอยน์รวมกันกว่า 1,300 BTC ขณะที่บิทฟาร์มส์(Bitfarms) ซึ่งแม้จะมีสำนักงานใหญ่ในแคนาดา แต่ก่อตั้งโดยนักธุรกิจชาวอาร์เจนตินา ก็ถือครองอยู่ที่ 870 BTC นอกจากนี้ เมร์คาโด ลิเบร ยังลงทุนในบิตคอยน์และอีเธอเรียม(ETH) คิดเป็นมูลค่ากว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้บริษัทในลาตินอเมริกาหันมาถือครองบิตคอยน์คือ ‘เงินเฟ้อ’ และ ‘การอ่อนค่าของเงินตรา’ โดยเฉพาะในอาร์เจนตินา ตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีฮาเวียร์ มิเลอี(Javier Milei) ผู้สนับสนุนบิตคอยน์เข้ารับตำแหน่ง นโยบายที่เป็นมิตรกับคริปโตก็ถูกผลักดันมากขึ้น นำไปสู่การเปิดเสรีทางการเงินและทำให้ภาคธุรกิจถือครองบิตคอยน์เพิ่มขึ้น
นอกจากการลงทุนโดยตรงในบิตคอยน์แล้ว บริษัทฟินเทคและแพลตฟอร์มการเงินหลายแห่งในภูมิภาคก็กำลังเร่งพัฒนาบริการเกี่ยวกับคริปโต เมร์คาโด ลิเบร เพิ่งเปิดตัวสเตเบิลคอยน์ ‘เมลี ดอลลาร์(Meli Dollar)’ สำหรับตลาดบราซิล ขณะที่ ‘นูแบงค์(Nubank)’ ธนาคารดิจิทัลชั้นนำของบราซิล เพิ่มฟีเจอร์การแลกเปลี่ยนระหว่างบิตคอยน์, อีเธอเรียม, โซลานา(SOL) และยูนิสวอป(UNI) กับเหรียญ USDC เพื่อตอบรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญมองว่ากระแสการถือครองคริปโตของบริษัทในลาตินอเมริกาไม่ได้เป็นเพียงแค่กลยุทธ์ทางการตลาด แต่กำลังกลายเป็น ‘วิธีการรักษามูลค่า’ และ ‘เครื่องมือการลงทุนที่สำคัญ’ โดยเฉพาะ ‘โทมัส ฟอร์เตส(Thomaz Fortes)’ หัวหน้าฝ่ายคริปโตของนูแบงค์ กล่าวว่า “คริปโตเริ่มถูกบรรจุเข้าไปในกลยุทธ์การลงทุนของหลายองค์กร และความต้องการบริการทางการเงินที่เกี่ยวข้องก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
แม้ปริมาณการถือครองบิตคอยน์ของบริษัทในลาตินอเมริกาจะยังไม่ใหญ่เท่ากับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างไมโครสแตรจี(MicroStrategy) แต่แนวโน้มนี้สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับที่เพิ่มขึ้นของบิตคอยน์ในระดับองค์กร ซึ่งอาจนำไปสู่การขยายตัวของการใช้คริปโตในระดับประเทศต่อไปในอนาคต
ความคิดเห็น 0