ตลาดคริปโตทั่วโลกกำลังเผชิญกับแรงเทขายอย่างหนัก ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อวันที่ 7 (เวลาท้องถิ่น) มูลค่าตลาดคริปโตเคอร์เรนซีโดยรวมลดลง 3.76% เหลือ 3.26 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4,727 ล้านล้านวอน) ขณะที่ ‘ปริมาณการซื้อขาย’ เพิ่มขึ้น 3.72% บ่งชี้ว่ากระแสการขายยังคงมีความรุนแรง และ ‘ดัชนีความกลัวและความโลภ’ (Fear & Greed Index) ก็ลดลงเหลือ 35 จุด ซึ่งสะท้อนว่าตลาดกำลังก้าวเข้าสู่ภาวะ ‘ความกลัว’
บิตคอยน์(BTC) ยังคงมีส่วนแบ่งตลาด 60.92% แต่ราคาลดลง 1.4% แตะ 96,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.39 ล้านบาท) แม้ว่าจะขึ้นไปถึง 99,131 ดอลลาร์ในช่วงระหว่างวัน แต่แรงกดดันจากฝั่งขายกลับทำให้ราคาลดลง
อีเธอเรียม(ETH) และโซลานา(SOL) ต่างก็เผชิญภาวะขาลง อีเธอเรียมลดลง 5.2% มาอยู่ที่ 2,699 ดอลลาร์ (ประมาณ 391,000 บาท) ขณะที่โซลานาร่วง 6.1% นอกจากนี้ ริปเปิล(XRP) ซึ่งเคยถูกคาดหวังเรื่อง ‘ETF’ ยังคงเผชิญแรงเทขายหนักและลดลงถึง 6.5%
อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดส่วนใหญ่จะอยู่ในภาวะขาลง แต่มีบางเหรียญที่สวนกระแสขึ้นมาได้ โดย ‘เบร่าเชน’ (Berachain) ราคาพุ่งขึ้น 662.5% ส่งผลให้มูลค่าตลาดพุ่งขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 82 นอกจากนี้ โทเคนที่อิงทองคำอย่าง XAUt เพิ่มขึ้น 0.59% และเหรียญทรอน(TRX) ก็ขยับขึ้น 0.34%
ในขณะเดียวกัน เหรียญที่เผชิญการเทขายหนักที่สุดคือ ‘อีน่า’(INA) ซึ่งร่วงลงถึง 11.13% ตามมาด้วย ‘วีฟ’(WIF) ลดลง 10.89% และ ‘เพนกู’(PENGU) ที่ลดลง 10.43%
นักวิเคราะห์ชี้ว่า การร่วงลงครั้งนี้เกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการ ‘ขายทำกำไร’ ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ รวมถึงปัจจัยจากเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับฐานของตลาดในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม บิตคอยน์ยังคงมีสัดส่วนตลาดมากกว่า 60% จึงอาจเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดทิศทางของตลาดในระยะถัดไป
ความคิดเห็น 0