สหภาพยุโรป(EU) อาจต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล หลังมีรายงานว่าผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล (VASP) มากถึง 75% อาจไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดของ ‘กฎหมายตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล’ (MiCA) ซึ่งมีผลบังคับใช้ในปีนี้
MiCA กำหนดให้ VASP ทุกแห่งที่ลงทะเบียนก่อนปี 2025 ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายใหม่ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเตือนว่าจำนวนมากอาจไม่สามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวดได้ ส่งผลให้ต้องออกจากตลาดไป
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือกรณีของเอสโตเนีย ซึ่งเริ่มใช้ใบอนุญาต VASP ตั้งแต่ปี 2017 โดยมีผู้ให้บริการมากกว่า 2,000 รายได้รับอนุญาตในช่วงแรก แต่เมื่อมีกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะด้านการป้องกันการฟอกเงิน (AML) และการยืนยันตัวตนลูกค้า (KYC) ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่สามารถรักษาใบอนุญาตไว้ได้ ปัจจุบัน เอสโตเนียเหลือผู้ให้บริการเพียงประมาณ 45 รายเท่านั้น
แนวโน้มเดียวกันอาจเกิดขึ้นในประเทศที่มีกฎระเบียบที่ผ่อนปรนกว่า เช่น โปแลนด์และสาธารณรัฐเช็ก ปัจจุบันโปแลนด์มีผู้ให้บริการ VASP ประมาณ 1,600 ราย แต่เมื่อ MiCA ถูกบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบ ส่วนใหญ่คาดว่าจะไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดใหม่ได้
ปัจจัยหลักที่ทำให้ผู้ประกอบการต้องออกจากตลาดคือ ‘ต้นทุนที่สูง’ และ ‘ข้อกำหนดที่เข้มงวด’ โดยค่าธรรมเนียมการขอใบอนุญาต MiCA อยู่ที่ 30,000-80,000 ยูโร (ประมาณ 43-116 ล้านบาท) และต้องมีเงินทุนขั้นต่ำ 50,000-150,000 ยูโร (ประมาณ 73-219 ล้านบาท) ซึ่งเป็นภาระหนักสำหรับสตาร์ทอัปขนาดเล็ก นอกจากนี้ ทุกบริษัทต้องพัฒนา ‘ระบบ AML และ KYC’ ของตนเอง และต้องมีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมภายใน ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่อาจเป็นอุปสรรคสำคัญ
แม้ว่า MiCA จะถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มความโปร่งใสในตลาดคริปโตของยุโรป และช่วยปกป้องนักลงทุนมากขึ้น แต่ในทางกลับกัน ก็อาจเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับบริษัทขนาดเล็ก หากไม่สามารถปรับตัวได้ ก็มีแนวโน้มว่าส่วนแบ่งตลาดจะถูกปรับเปลี่ยนไปอย่างมากในอนาคต
ความคิดเห็น 0