ตลาดซื้อขายล่วงหน้า CME จับมือกูเกิล คลาวด์ ทดลองใช้โทเค็นไลเซชัน ปรับโฉมตลาดทุน

ตลาดซื้อขายล่วงหน้าชิคาโก(CME) กำลังทดลองใช้เทคโนโลยีโทเค็น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของตลาดทุนและระบบการชำระเงิน

เมื่อวันที่ 25 (เวลาท้องถิ่น) CME กรุ๊ป ประกาศว่ากำลังสำรวจแนวทางในการปรับปรุงประสิทธิภาพของตลาดทุนและระบบการชำระเงินสำหรับธุรกิจค้าส่ง โดยใช้ ‘Universal Ledger Technology (GCUL)’ ของกูเกิล คลาวด์

เทอร์รี ดัฟฟี ประธานและซีอีโอของ CME กรุ๊ป ระบุว่า "GCUL จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องของหลักทรัพย์ค้ำประกัน, หลักประกัน, การชำระบัญชี และการชำระค่าธรรมเนียมอย่างมีนัยสำคัญ" พร้อมเสริมว่า "ตลาดการเงินทั่วโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะมีบทบาทสำคัญ" อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่อาจถูกโทเค็นไลซ์

CME กรุ๊ป และกูเกิล คลาวด์ มีแผนจะเริ่มทดลองใช้เทคโนโลยีดังกล่าวกับผู้เข้าร่วมตลาดในปี 2026

ในภาคอุตสาหกรรม มองว่าโทเค็นไลเซชันกำลังกลายเป็นส่วนสำคัญของระบบการเงินดั้งเดิม รายงานล่าสุดจากเวิลด์อีโคโนมิกฟอรั่ม (WEF) ระบุว่า การผนวกรวมเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ากับระบบการเงินแบบดั้งเดิมกำลังกลายเป็นความจริง และเทคโนโลยีโทเค็นไลเซชันจะเป็นหัวใจสำคัญในกระบวนการนี้

ยูวัล รูซ ผู้ร่วมก่อตั้งดิจิทัล แอสเซ็ต (Digital Asset) ซึ่งตั้งอยู่ในนิวยอร์ก วิเคราะห์ว่า "ขณะนี้มีหลักทรัพย์ที่สามารถนำมาใช้เป็นหลักประกันได้ประมาณ 25 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ขนาดของตลาดโดยรวมอยู่ที่ 230 ล้านล้านดอลลาร์" พร้อมเสริมว่า "โทเค็นไลเซชันสามารถเพิ่มสภาพคล่องและประสิทธิภาพการใช้เงินทุนได้อย่างมหาศาล"

กระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดโทเค็นไลเซชันกำลังเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงท่าทีสนับสนุนอุตสาหกรรมบล็อกเชนและคริปโตเคอร์เรนซีให้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้มีความเป็นไปได้ที่นโยบายที่เกี่ยวข้องจะถูกผลักดันอย่างจริงจัง

แพลตฟอร์มออกและบริหารจัดการโทเค็นหลักทรัพย์ ‘โทเคนนี(Tokeny)’ ประเมินว่าการยกเลิกแนวปฏิบัติด้านบัญชีของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) หรือ SAB 121 จะช่วยให้สถาบันสามารถจัดเก็บและบริหารจัดการโทเค็นหลักทรัพย์ได้ง่ายขึ้น

ขณะเดียวกัน แลร์รี ฟิงก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแบล็คร็อก(BlackRock) ออกมาแสดงการสนับสนุนตลาดหลักทรัพย์ที่ใช้โทเค็น โดยระบุว่า SEC ควรอนุมัติการโทเค็นไลซ์หุ้นและพันธบัตรโดยเร็ว เขากล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า "โทเค็นไลเซชันจะนำมาซึ่งการปฏิวัติตลาดการเงิน และ SEC ไม่ควรเป็นอุปสรรคต่อเรื่องนี้"

ในปัจจุบัน ขนาดของตลาดโทเค็นที่อ้างอิงสินทรัพย์จริง (RWA) แต่ไม่รวมสเตเบิลคอยน์ อยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 29.2 ล้านล้านวอน) และด้วยการเร่งตัวของการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของภาคการเงินและตลาดทุน แนวโน้มโทเค็นไลเซชันจึงมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคต