เกมสต็อป(GME) พิจารณาซื้อบิตคอยน์(BTC) อาจเป็นปัจจัยผลักดันราคาสู่ 200,000 ดอลลาร์

เกมสต็อป(GME) กำลังพิจารณาการซื้อบิตคอยน์(BTC) ส่งผลให้ความสนใจจากนักลงทุนสถาบันเพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางแนวโน้มที่บริษัทขนาดใหญ่ เช่น ไมโครสตราเทจี(MSTR), เมทาแพลนเน็ต และมารา(MARA) กำลังเปลี่ยนบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์สำรองทางการเงิน การเข้าร่วมของเกมสต็อปอาจเป็นปัจจัยผลักดันราคาบิตคอยน์สู่ระดับ 200,000 ดอลลาร์

เกมสต็อปประกาศเมื่อวันที่ 26 มีนาคมว่า บริษัทมีแผนจะใช้เงินทุนสำรองบางส่วนเพื่อลงทุนในบิตคอยน์ จากเดิมที่เคยเผชิญกับการล้มละลายในปี 2021 แต่ปัจจุบัน ด้วยราคาหุ้นที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้บริษัทมีเงินสดในมือ 4.77 พันล้านดอลลาร์ (ราว 169,000 ล้านบาท) ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2025 สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่บริษัทต่าง ๆ อาจพิจารณาบิตคอยน์เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ

บริษัทระดับโลกจำนวนมากเริ่มเข้าร่วมกระแสการลงทุนในบิตคอยน์ เมทาแพลนเน็ตจากญี่ปุ่นเพิ่งแต่งตั้ง เอริก ทรัมป์ ลูกชายของประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ ขณะที่มาราโฮลดิงส์ประกาศว่าจะ "ถือครองบิตคอยน์ทั้งหมด" พร้อมเร่งแผนเข้าซื้อสินทรัพย์ดังกล่าวโดยอาศัยหนี้สิน อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงตั้งคำถามว่าทำไมราคาบิตคอยน์จึงยังไม่สามารถฟื้นตัวได้

แม้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะได้ออกคำสั่งบริหารเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ให้รวมบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์สำรองเชิงกลยุทธ์ แต่ราคาของมันยังไม่สามารถกลับไปแตะระดับ 100,000 ดอลลาร์ได้ ในขณะที่ราคาทองคำยังคงอยู่เกือบระดับสูงสุด โดยลดลงเพียง 1.3% เท่านั้น ทำให้เกิดข้อกังขาถึงความแข็งแกร่งของบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย นักวิเคราะห์เชื่อว่าบิตคอยน์ยังต้องปรับตัวให้เข้ากับระบบการเงินดั้งเดิมมากขึ้น

แม้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) กำลังพิจารณาปรับปรุงประสิทธิภาพทางภาษีสำหรับ ETF บิตคอยน์แบบสปอต แต่ตลาดยังมีข้อจำกัด ปัจจุบัน ETF ดังกล่าวรองรับเพียงการชำระเงินด้วยเงินสด ไม่สามารถฝากหรือถอนบิตคอยน์โดยตรงได้ นอกจากนี้ สถาบันการเงินหลัก ๆ ยังคงลังเลที่จะให้บริการผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับบิตคอยน์แก่ลูกค้า ปัญหาด้านความโปร่งใสและสภาพคล่องยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ

ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของบิตคอยน์ในตลาด CME มีส่วนแบ่งอยู่ที่ 23% เท่านั้น สะท้อนถึงอุปสรรคทางกฎระเบียบที่ยังคงอยู่สำหรับนักลงทุนสถาบัน ในทางตรงกันข้าม แพลตฟอร์มนอกสหรัฐฯ เช่น ไบแนนซ์, คูคอยน์, OKX และคราเคน เคยถูกปรับเป็นจำนวนมากจากการละเมิดข้อบังคับด้านการป้องกันการฟอกเงิน ส่งผลให้พวกเขายังไม่ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนสถาบัน

โดยรวมแล้ว นักวิเคราะห์มองว่าการซื้อบิตคอยน์ของเกมสต็อปและบริษัทขนาดใหญ่อื่น ๆ อาจไม่เพียงพอที่จะผลักดันราคาขึ้นไปแตะ 200,000 ดอลลาร์ได้ การเชื่อมโยงกับภาคการเงินดั้งเดิมยังคงไม่แน่นอน และความเชื่อมั่นจากนักลงทุนรายใหญ่ยังไม่กลับคืนมา ทำให้แนวโน้มการปรับขึ้นของบิตคอยน์ในระยะสั้นยังคงมีข้อจำกัด