เมื่อ AI กลายเป็นทรัพยากรสำคัญ เสียงเรียกร้องความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจดังขึ้น
แซม อัลท์แมน(Sam Altman) ซีอีโอของโอเพ่นเอไอ(OpenAI) เคยให้ความเห็นในปี 2024 ว่า “ในอนาคต เงินตราอาจไม่ใช่ธนบัตรหรือคริปโต แต่เป็น ‘พลังการประมวลผล’” ปัจจุบัน ความสามารถในการประมวลผล AI ถือเป็นทรัพยากรที่มีค่าซึ่งมีบทบาทสำคัญ ตั้งแต่การฝึกโมเดลแมชชีนเลิร์นนิงไปจนถึงเศรษฐกิจดิจิทัล อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ที่ไม่เท่าเทียมอาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจในอนาคต
แม้ว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน AI จะนำเสนอเทคโนโลยีนี้ว่าเป็น ‘สินค้าสาธารณะ’ แต่ผลกำไรจาก AI กลับถูกกระจุกตัวอยู่ในบริษัทเพียงไม่กี่แห่ง ตัวอย่างเช่น ไมโครซอฟท์(MSFT) ที่สั่งซื้อชิป Hopper กว่า 500,000 ตัวจากเอ็นวิเดีย(NVIDIA) ในปี 2024 พร้อมทั้งเข้าซื้อโรงไฟฟ้าเพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน AI พฤติกรรมเหล่านี้คล้ายกับยุคอุตสาหกรรม ที่บริษัทยักษ์ใหญ่เคยผูกขาดโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ
แม้ AI จะมีศักยภาพในการเพิ่มผลผลิต ส่งเสริมนวัตกรรม และสร้างประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เช่น การแพทย์และการศึกษา แต่ประโยชน์ทางเศรษฐกิจกลับไม่ได้กระจายไปถึงประชาชนทั่วไป ในปี 2024 สตาร์ทอัป AI ในสหรัฐฯ กว่า 50 แห่งสามารถระดมทุนได้มากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ แต่การลงทุนเหล่านี้มาจากผู้เล่นรายใหญ่ที่มีทุนมหาศาล ทำให้กลุ่มนักพัฒนารายย่อยมีโอกาสเข้าถึงขุมพลัง AI น้อยลง
เพื่อให้เศรษฐกิจ AI เป็นธรรมขึ้น จำเป็นต้องมีกรอบนโยบายที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นหลากหลายกลุ่มได้แบ่งปันผลประโยชน์จาก AI อย่างเท่าเทียม เนื่องจาก AI กำลังก้าวขึ้นเป็นเทคโนโลยีศูนย์กลางของอนาคต แนวทางในการกระจายประโยชน์จาก AI จึงเป็นเรื่องที่ควรได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง
ความคิดเห็น 0