ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
ตลาด ETF บิตคอยน์(BTC) เผชิญแรงขายอย่างหนัก ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าทั่วโลก โดยข้อมูลล่าสุดจากฟาร์ไซด์ อินเวสเตอร์ส(Farside Investors) ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม ถึง 8 เมษายน มีเงินไหลออกจาก ETF บิตคอยน์สุทธิรวมกว่า 595 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 8,690 ล้านบาท) และแม้วันถัดมา (9 เมษายน) สหรัฐจะประกาศยกเลิกภาษีนำเข้าชั่วคราว ก็ยังมีเงินไหลออกอีก 127 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,860 ล้านบาท)
แม้บิตคอยน์จะเคลื่อนไหวขึ้นไปแตะระดับ 82,000 ดอลลาร์ในวันที่ 9 เมษายน แต่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนใน ETF กลับยังไม่ฟื้นตัว ทำให้เกิดคำถามในหมู่ผู้ค้าและนักวิเคราะห์ว่า เหตุใดกระแสเงินทุนยังไม่สามารถไหลกลับได้
ผู้เชี่ยวชาญในตลาดชี้ว่า ปัจจัยหลักที่กดดันการลงทุนใน ETF บิตคอยน์คือ ‘ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย’ ไมเคิล ไวด์เนอร์(Michael Weidner) หัวหน้าร่วมฝ่ายพันธบัตรของลาซาร์ดเป็นหนึ่งในผู้ให้ความเห็น โดยเขาระบุผ่านสำนักข่าว Reuters ว่า “ตลาดเครดิตภาคเอกชนกำลังเผชิญการหดตัวของสภาพคล่องอย่างรวดเร็ว” และเสริมว่า นักลงทุนส่วนใหญ่นำเงินไปเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรสหรัฐฯ หรือเงินสด ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่อาจนำไปสู่ภาวะตึงตัวทางเครดิต
วิกฤตเครดิตอาจเกิดขึ้นแม้พันธบัตรสหรัฐจะให้ผลตอบแทนคงที่ โดยแค่ ‘ความรู้สึก’ ว่าความเสี่ยงสูงขึ้นก็เพียงพอให้ความต้องการสินเชื่อชะลอตัว รอส เมย์ฟิลด์(Ross Mayfield) นักกลยุทธ์ของบริษัทลงทุนอาร์ดับเบิลยู แบร์ด(RW Baird) กล่าวเพิ่มเติมว่า ในสภาวะที่ ‘เงินเฟ้อพ่วงภาษี’ หรือ ‘stagflation’ ยังคงกดดัน ผู้ประกอบการจะเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ยากขึ้น โดยแสดง “ความคิดเห็น” ว่า ต่อให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ลดดอกเบี้ย การฟื้นตัวของตลาดเครดิตภาคธุรกิจก็ยังจำกัด เพราะทั้งบริษัทที่มีอันดับเครดิตสูงและต่ำต่างได้รับแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
ดัชนีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แต่ความต้องการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนก็ยังซบเซา ด้านแดน ไครเตอร์(Dan Krieter) หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์พันธบัตรของบีเอ็มโอ แคปิตอล มาร์เก็ตส์(BMO Capital Markets) เผยว่า ส่วนต่างผลตอบแทนของตราสารหนี้เอกชนกับพันธบัตรรัฐบาลขยายตัวกว้างสุดนับตั้งแต่วิกฤตธนาคารชุมชนในเดือนมีนาคม 2023 ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลเชิงเครดิตของนักลงทุนต่อบริษัทเอกชน
นอกจากนี้ ความกังวลด้านการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจากสงครามการค้าที่ไม่มีวี่แววจะยุติก็ฉุดความเชื่อมั่นในคริปโตด้วย แม้ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) เดือนมีนาคมจะอยู่ที่ 2.8% ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี แต่ตลาดหุ้นกลับไม่มีปฏิกิริยาบวกมากนัก โจ บรูซูเอลาส(Joe Brusuelas) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก RSM ให้ “ความคิดเห็น” ว่า “CPI ครั้งนี้อาจเป็นตัวเลขสุดท้ายที่ดูคงที่ก่อนที่เงินเฟ้อจะเร่งตัวอีกครั้งจากผลกระทบของนโยบายภาษี”
นักลงทุนและเทรดเดอร์จำนวนมากในตลาดเริ่มเห็นพ้องว่า ความมั่นคงของตลาดตราสารหนี้คือตัวแปรสำคัญที่จะผลักดันเงินทุนให้คืนสู่ ETF บิตคอยน์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวเช่นนี้ นักลงทุนจำนวนมากยังเลือกสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรสหรัฐฯ หรือเงินสด ส่งผลให้การมองเห็น ‘คุณค่าที่แท้จริง’ ของบิตคอยน์ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายเงินตราที่ตายตัวหรือการต่อต้านการเซ็นเซอร์ ยังคงต้องอาศัยการเปลี่ยนมุมมองการลงทุนครั้งใหญ่ ซึ่งอาจไม่เกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้
ความคิดเห็น 0