ราคาสกุลเงินดิจิทัลหลักปรับตัวลดลงเมื่อวันที่ 4 (เวลาท้องถิ่น) หลังได้รับผลกระทบจากข่าวการขยายความขัดแย้งทางภาษีระหว่างสหรัฐฯ และจีน บิตคอยน์(BTC) ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 90,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.17 ล้านบาท) ก่อนจะกลับมาฟื้นตัวอยู่เหนือ 101,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.56 ล้านบาท) และภายหลังลดลงอีกครั้งมาอยู่ต่ำกว่า 99,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.49 ล้านบาท) ขณะที่ราคาอีเธอเรียม(ETH) ก็ตกลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง
การปรับลดลงในครั้งนี้เกิดขึ้นจากความกังวลด้านความตึงเครียดในตลาดการค้าทั่วโลก หลังสหรัฐฯ ประกาศกำหนดภาษีใหม่กับพันธมิตรบางประเทศ ขณะที่จีนตอบโต้ทันทีด้วยการเก็บภาษี 10% บนสินค้าส่งออกจากสหรัฐฯ ที่สำคัญ เช่น ถ่านหิน, LNG, น้ำมันดิบ และรถยนต์บางประเภท โดยภาษีเหล่านี้จะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 เป็นต้นไป นอกจากนี้จีนยังเดินหน้าควบคุมการส่งออกแร่หายากอย่างทังสเตนและรูเทเนียม อ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ
ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองประเทศมีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้น ประธานาธิบดีทรัมป์ตัดสินใจยกเว้นบางภาษีที่กำหนดไว้กับเม็กซิโกและแคนาดา แต่ไม่ได้ดำเนินการใด ๆ เพื่อประนีประนอมกับจีน ในขณะเดียวกัน จีนได้ตอบโต้ด้วยการเริ่มต้นการสอบสวนการผูกขาดกับบริษัทอเมริกันรายใหญ่อย่าง Google ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของความขัดแย้งเพิ่มเติมในอนาคต
ท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าว สกุลเงินดิจิทัลบางส่วน เช่น ริปเปิล(XRP) และโซลานา(SOL) กลับมีสัญญาณที่ดีขึ้น โดย XRP พุ่งขึ้นมากกว่า 50% ขณะที่โซลานาก็ปรับตัวสูงขึ้นเกิน 210 ดอลลาร์ (ประมาณ 7,398 บาท) ปัจจัยบวกส่วนหนึ่งเกิดจากการตัดสินใจของสหรัฐฯ ในการยกเว้นภาษีเม็กซิโก ซึ่งช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นในตลาด และเพิ่มความสนใจจากนักลงทุนที่เน้นเก็งกำไร อย่างไรก็ตาม อีเธอเรียม(ETH) ก็แสดงสัญญาณฟื้นตัว โดยล่าสุดมีการซื้อขายอยู่ที่ระดับมากกว่า 2,700 ดอลลาร์ (ประมาณ 95,400 บาท)
ความผันผวนในตลาดคริปโทยังคงถูกชี้นำจากปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค โดยเฉพาะความขัดแย้งด้านภาษีที่กดดันให้นักลงทุนยังคงเฝ้าระวังและระมัดระวังในการตัดสินใจลงทุนต่อไป
ความคิดเห็น 0