ไมเคิล โนโวกราตซ์คาดการณ์ สหรัฐฯ อาจบรรจุบิตคอยน์(BTC) ในงบการเงินภายใน 6 เดือน

ไมเคิล โนโวกราตซ์(Michael Novogratz) ซีอีโอของกาแล็กซี ดิจิทัล(Galaxy Digital) คาดการณ์ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ อาจรวม ‘บิตคอยน์(BTC)’ เข้าไปในงบการเงินภายใน 6 เดือนข้างหน้า

เมื่อวันที่ 11 ตามรายงานของ Coinpedia โนโวกราตซ์กล่าวในงาน ‘Ondo Summit’ ว่า “สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) กำลังถูกกำหนดขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทคริปโตบางแห่งเร่งแผนการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะ (IPO) ในช่วงพฤษภาคมถึงมิถุนายนนี้” เขายังเน้นว่ากาแล็กซี ดิจิทัลเองก็เตรียมการสำหรับการจดทะเบียนมานานกว่า 4 ปีครึ่ง และเขามองว่าการจดทะเบียนของบริษัทคริปโตในตลาดหุ้นนิวยอร์ก(NYSE) และแนสแด็ก(Nasdaq) จะเริ่มมีความคึกคักมากขึ้น

ขณะเดียวกัน มีการวิเคราะห์ว่านโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลทรัมป์ รวมถึงอัตราดอกเบี้ยต่ำ กำลังส่งผลเชิงบวกต่อแนวโน้มการจดทะเบียนของบริษัทคริปโต คริส เทย์เลอร์(Chris Taylor) รองประธานฝ่ายจดทะเบียนของ NYSE ให้ความเห็นว่า “ความสนใจในตลาด IPO กำลังเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้โอกาสที่บริษัทบล็อกเชนเชิงนวัตกรรมจะเข้าจดทะเบียนสูงขึ้น” นอกจากนี้ยังมีความคาดหวังว่าหากผู้นำใหม่ของ SEC ปรับกระบวนการ IPO ให้คล่องตัวขึ้น ตลาดที่เกี่ยวข้องอาจได้รับแรงหนุนเพิ่มเติม

โนโวกราตซ์ยังสนับสนุนแนวคิดว่ารัฐบาลสหรัฐฯ อาจต้องถือครองบิตคอยน์เพื่อรักษาความได้เปรียบทางเศรษฐกิจ เขาเปิดเผยว่า “ผมได้พูดคุยกับผู้บริหารของกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติรายใหญ่ ซึ่งกำลังพิจารณาการลงทุนในบิตคอยน์มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์” ซึ่งเขามองว่านี่เป็นสัญญาณว่าบรรดาสถาบันการเงินรายใหญ่เริ่มให้ความสนใจในการปรับพอร์ตเพื่อรองรับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น

ด้านแดน มอร์เฮด(Dan Morehead) ผู้ก่อตั้งแพนเทอรา แคปิทัล(Pantera Capital) ออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาที่ว่า ‘ตลาดคริปโตเป็นฟองสบู่’ โดยเขาชี้ให้เห็นว่าการถือครองคริปโตของนักลงทุนสถาบันยังมีสัดส่วนที่ต่ำอยู่ เขากล่าวว่า “หากแม้แต่เพียงเศษเสี้ยวของสินทรัพย์มูลค่า 500 ล้านล้านดอลลาร์ทั่วโลกถูกนำมาลงทุนในคริปโต ก็จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดอย่างมหาศาล”

สุดท้าย โนโวกราตซ์ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อบิตคอยน์ โดยกล่าวว่าราคาอาจเผชิญ ‘การปรับฐานระยะสั้น’ แต่มีโอกาสสร้างฐานที่ระดับ ‘80,000 ดอลลาร์’ ซึ่งเขาเชื่อว่าหากนักลงทุนสถาบันและรัฐบาลต่างชาติเริ่มก้าวเข้าสู่ตลาดมากขึ้น แรงขับเคลื่อนของตลาดคริปโตก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นกว่าที่เคย