นโยบายภาษีทรัมป์สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อตลาดโลกและบิตคอยน์

ประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมประกาศนโยบายภาษีนำเข้าครั้งสำคัญในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดโลก ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของเขา ‘ทรูธโซเชียล’ โดยระบุว่า "วันนี้เป็นวันสำคัญ ภาษีเพื่อความเป็นธรรม!" ซึ่งสะท้อนถึงท่าทีที่แข็งแกร่งของเขา

นโยบายภาษีของทรัมป์เคยส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินมาแล้วในอดีต โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าอย่างแคนาดา เม็กซิโก และจีน ที่เคยตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีเช่นกัน เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ตลาดโลก รวมถึงตลาดคริปโต เคลื่อนไหวอย่างผันผวน ในอดีต การประกาศขึ้นภาษีโดยสหรัฐฯ มักนำไปสู่การปรับตัวลงของทั้งดัชนีฟิวเจอร์สแนสแด็กและบิตคอยน์(BTC)

ขณะเดียวกัน ข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ที่เพิ่งเปิดเผย แสดงอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ 0.1% ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อแตะระดับ 3% การประกาศนี้ทำให้ราคาบิตคอยน์ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 95,000 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์เตือนว่า หากแรงกดดันเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ตลาดการเงินอาจได้รับผลกระทบในวงกว้าง

ผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตจำนวนมากกำลังจับตามองว่าการขึ้นภาษีครั้งนี้จะส่งผลอย่างไรต่อบิตคอยน์ และสินทรัพย์อื่น ๆ นักวิเคราะห์ นิก เพอร์คลิน ให้ความเห็นว่า "หากดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับตัวสูงขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบก็จะเพิ่มขึ้น และนั่นจะผลักดันให้ราคาผู้บริโภคสูงขึ้นด้วย" ซึ่งอาจกระตุ้นความต้องการสินทรัพย์ที่เป็น ‘แหล่งเก็บมูลค่า’ อย่างบิตคอยน์

ทางด้านของ เจฟฟ์ พาร์ค นักวิเคราะห์จากบิตไวส์ มองว่า นโยบายภาษีอาจส่งผลดีต่อบิตคอยน์ในระยะยาว โดยกล่าวว่า “เป้าหมายของนโยบายภาษีนี้ อาจเป็นการอ่อนค่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดโลก หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็อาจมีผลในเชิงบวกต่อราคาสินทรัพย์ คล้ายกับที่เกิดขึ้นภายหลังข้อตกลงพลาซาในปี 1985”

ขณะเดียวกัน มีการคาดการณ์ว่าภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในระดับที่ต่างกัน โดยเฉพาะประเทศอื่นนอกสหรัฐฯ อาจเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น สิ่งนี้อาจผลักดันให้บางประเทศหันมาใช้บิตคอยน์ หรือสินทรัพย์ทางเลือกอื่น ๆ แทนเงินสกุลหลัก

การประกาศนโยบายภาษีของทรัมป์ครั้งนี้ กำลังกลายเป็นประเด็นสำคัญในตลาดการเงินและคริปโต นักลงทุนต่างจับตามองว่าความเคลื่อนไหวนี้จะกระตุ้นหรือฉุดรั้งตลาดในช่วงต่อไป